เมื่อวันที่ 8 ต.ค. ที่ หน้าอาคารประชาอารักษ์ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ปคบ. พร้อมด้วย พ.ต.อ.ไกรวิศท์ แสนทวีสุข ผกก.1 บก.ปคบ. พ.ต.ท.ปริญญา ปาละ รอง ผกก.(สอบสวน) กก.1 บก.ปคบ. ร่วมแถลงผลชี้แจงความคืบหน้าคดี น.ส.กรกนก สุวรรณบุตร หรือ แม่ตั๊ก และนายกานต์ เรืองอร่าม หรือป๋าเบียร์ หลอกขายทองไม่ได้มาตรฐาน

พล.ต.ต.วิทยา กล่าวว่า สำหรับความคืบหน้าของคดีที่จะมาชี้แจงในวันนี้ มีด้วยกัน 4 ประเด็น โดยประเด็นแรกเป็นในส่วนของความคืบหน้าคดี หลังจากที่มีผู้เสียหายมาแจ้งความกับทาง บก.ปคบ. ในวันที่ 26 ก.ย. ทางตำรวจได้มีการสอบสวนรวบรวมหลักฐาน จากนั้นวันที่ 30 ก.ย. ได้มีการขอหมายค้นและหมายจับ และสามารถจับกุมผู้กระทำผิดได้ 2 ราย ตามที่ปรากฏอยู่ในข่าว กระทั่งวันที่ 2 ต.ค. ได้มีการขอหมายค้นทำการตรวจยึด 2 จุด สามารถยึดรถยนต์หรูได้ 5 คัน ต่อมาในวันนี้ 7 ต.ค. ได้ขอหมายค้นเข้าตรวจยึดรถยนต์หรูที่เหลือตามบัญชีที่ตรวจสอบได้เพิ่มเติมอีก 4 คัน พร้อมรถจักรยานยนต์และรถอื่นๆ อีกกว่า 10 คัน รวมมูลค่าทรัพย์สินที่ตรวจยึดนับตั้งแต่วันแรกจนถึงตอนนี้ กว่า 120 ล้านบาท

“ประเด็นต่อมาเป็นกรณีบุคคลใกล้ชิด ขณะนี้พนักงานสอบสวนสอบปากคำไปแล้วบางคน อาทิ ผู้จัดการ และแม่บ้าน คงเหลือเพียง เจ๊นุช บางเตย กับเมียหรั่ง ที่ยังไม่ได้สอบปากคำ เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียกมาให้ปากคำในวันที่ 10-11 ต.ค. เพื่อมาให้ถ้อยคำชี้แจงข้อเท็จจริง เบื้องต้นทั้งคู่ให้การตอบรับแล้ว ส่วนกลุ่มดาราและอินฟลูเอนเซอร์ที่ร่วมไลฟ์ ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริงว่ารู้เห็นกระทำความผิดด้วยหรือไม่ ยืนยันจะให้ความเป็นธรรม ซึ่งขณะนี้อยู่ขั้นตอนของการรวบรวมพยานหลักฐาน หากพบบุคคลใดมีความเชื่อมโยงเกี่ยวข้อง ก็จะแจ้งข้อหาดำเนินการต่อไป”

พล.ต.ต.วิทยา กล่าวต่อว่า ขณะที่ในส่วนของประเด็นทรัพย์สิน ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบตามข้อมูลที่พบในสื่อสังคมออนไลน์ว่ามีอะไรบ้าง ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์หรู แลมโบกินี แม็คลาเรน โตโยต้าอัลพาร์ด มัสแตง ไทยรุ่ง ขณะนี้ทำการอายัดมาตรวจสอบครบถ้วนแล้ว นอกจากนี้ยังได้ทำการอายัดเงินในบัญชีธนาคารของบริษัทเคทูเอ็น โกลด์ ไว้อีกจำนวน 24 ล้านบาท

นอกจากนี้จากการประสานข้อมูลร่วมกับ ปปง. เบื้องต้นทราบว่า ทั้งคู่มีบ้านอยู่ในการครอบครองทั้งหมด 9 หลัง โฉนดที่ดินอีก 16 แปลง แต่เชื่อว่าน่าจะมีมากกว่านี้ อยู่ระหว่างขยายผล ขณะที่ในส่วนของนาฬิกาหรู 8 เรือน ที่ปรากฏในโซเชียล ตอนนี้ทราบข้อมูลแน่ชัดแล้ว 6 เรือน โดยทั้งหมดกำลังอยู่ในขั้นตอนตรวจสอบและตามอายัดต่อไป ส่วนกรณีของพูลวิลล่า พัทยา ที่ทางผู้ต้องหาเคยเผยแพร่ในช่องทางโซเชียล ว่าเป็นเจ้าของนั้น จากการตรวจสองพบว่าเป็นการจองซื้อ 2 หลัง แต่เนื่องจากพูลวิลล่าดังกล่าวยังไม่เสร็จ จึงยังไม่มีการโอนมาเป็นชื่อของทั้งคู่

ผบก.ปคบ. กล่าวอีกว่า สำหรับแนวทางการสอบสวนคดี ขณะนี้ทาง พล.ต.อ.กิตติฐ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รรท.ผบ.ตร. ได้กำชับและมีแนวทางให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เข้ามาควบคุมกำกับดูแลเพื่อให้การทำงานครอบคลุม เนื่องจากว่ากรณีนี้มีผู้เสียหายทั่วประเทศ

เมื่อถามว่ากรณีที่ผู้ต้องหาได้มีการคืนเงินให้ผู้เสียหายนั้น จะมีผลต่อรูปคดีหรือไม่ พล.ต.ต.วิทยา กล่าวว่า เป็นเรื่องของผู้ต้องหาที่จะเจตนาชดเชยให้ แต่ทางคดีความนับว่าความผิดสำเร็จแล้ว ก็ต้องดำเนินการนามกฎหมายต่อไป ส่วนเรื่องตู้เซฟ ที่ตรวจยึดได้ในวันที่จับกุมผู้ต้องหาทั้ง 2 รายนั้น พบว่ามีตู้เซฟเล็กที่ผู้ต้องหาไม่ยอมให้เปิด ทางตำรวจคาดว่าอาจเป็นตู้ที่ใส่นาฬิกาหรู ซึ่งในวันนี้ช่วงเย็น ทางตำรวจมีการนัดทีมทนายกับทางญาติของผู้ต้องหา เพื่อจะทำการขอเปิดตู้เซฟ หากทางผู้ต้องหาไม่ให้รหัส ก็จะนำช่างมาเปิดเพื่อตรวจพิสูจน์ต่อไป

“นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังเตรียมขยายผลเพิ่มเติมว่า สินค้าผลิตภัณฑ์ที่ผู้ต้องหานำมาจำหน่ายนอกเหนือจากทอง ไม่ว่าจะเป็นเครื่องสำอางหรืออาหารเสริม ว่าผ่านการรับรองจากทาง อย. หรือไม่ ซึ่งเราจะตรวจสอบให้ครอบคลุมทุกมิติและทุกประเด็น พร้อมยืนยันว่าสำนวนคดีดังกล่าว คืบหน้าไปแล้วกว่า 50% และเชื่อว่าจะสามารถเร่งสรุปส่งฟ้องทันครบกำหนดฝากขังอย่างแน่นอน” ผบก.ปคบ. กล่าว