เมื่อวันที่ 8 ต.ค.สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และกระทรวงศึกษาธิการ บริษัทอมรินทร์ คอร์เปอเรชั่นส์ จำกัด (มหาชน) และ บริษัทอมรินทร์ บุ๊ค เซ็นเตอร์ จำกัด บริษัทไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ร่วมเปิดโครงการ “ส่งความรู้ สร้างความสุข ปี 5” เพื่อผลักดันและส่งเสริมให้เด็กไทยทั่วประเทศเห็นความสำคัญและมีนิสัยรักการอ่าน และพัฒนาห้องสมุดของโรงเรียนให้มีชีวิต ตามแนวคิด การอ่านเป็นรากฐานที่สำคัญของการเรียนรู้และการพัฒนาของเด็ก” โดยมี ดร.วิษณุ ทรัพย์สมบัติ ผู้อำนวยการสำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา และรักษาการในตำแหน่งที่ปรึกษาด้านมาตรฐานการศึกษา เป็นประธาน

ดร.วิษณุ ทรัพย์สมบัติ ผู้อำนวยการสำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา และรักษาการในตำแหน่งที่ปรึกษา ด้านมาตรฐานการศึกษา กล่าวว่า กระทรวงศึกษาธิการมีนโยบายการจัดการศึกษา ภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติเพื่อการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ในประเด็นการพัฒนาศักยภาพคนตลอดช่วงชีวิต ได้แก่ การสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพมนุษย์การพัฒนาเด็กตั้งแต่ช่วงการตั้งครรภ์จนถึงปฐมวัย รวมทั้งการพัฒนาช่วงวัยเรียน วัยรุ่น ตลอดจนประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาการเรียนรู้ตลอดชีวิตที่ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงในศตวรรษที่ 21 และการพัฒนาพหุปัญญาของมนุษย์ โดยเชื่อมั่นว่า การอ่านจะเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียน เป็นเครื่องมือในการแสวงหาความรู้ ประสบการณ์จากแหล่งข้อมูลต่างๆ สู่การพัฒนาการคิดวิเคราะห์ การสร้างสรรค์ต่างๆ ก่อให้เกิดการขับเคลื่อนการศึกษานำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรมในทุกระดับการศึกษาของประเทศ

โครงการ “ส่งความรู้ สร้างความสุข” ที่ดำเนินโครงการโดยอมรินทร์กรุ๊ป จากการสนับสนุนของบริษัทไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ทางกระทรวงศึกษาธิการ โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้ดำเนินงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด ภายใต้แนวคิด “เด็กไทยอ่านออก เขียนได้…คุณครูก้าวไกล…ชาติไทยพัฒนา” ซึ่งไม่เพียงแต่มุ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพการศึกษาด้วยการพัฒนาทักษะการอ่านของผู้เรียนให้เป็นผู้รู้หนังสือ สามารถอ่านออกเขียนได้ ผ่านกิจกรรมอ่านกัน วันละ 15 นาที แต่ยังช่วยพัฒนาคุณครูผู้รับผิดชอบโครงการ สามารถรวบรวมและเก็บชิ้นงานที่เกิดขึ้นจากการทำกิจกรรมพัฒนาทักษะการอ่านที่ทำร่วมกับผู้เรียน นำไปประกอบเป็นผลงานที่เกิดขึ้นจากการปฏิบัติงานจริงในการขอเลื่อนวิทยฐานะต่อได้

ม.ล. ลือศักดิ์ จักรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทอมรินทร์ บุ๊ค เซ็นเตอร์ จำกัด กล่าวถึงการดำเนินโครงการ“ส่งความรู้ สร้างความสุข ปี 5” ว่า “โครงการ“ส่งความรู้ สร้างความสุข ปี 5” มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมนิสัยรักการอ่านให้แก่นักเรียนในโรงเรียนเป้าหมาย โดยสนับสนุนให้เป็นผู้รู้หนังสือ อ่านออกเขียนได้ และมีผลสัมฤทธิ์ในรายวิชาโดยเฉพาะวิชาภาษาไทยสูงขึ้น รวมทั้งส่งเสริมให้ครูผู้รับผิดชอบโครงการเพิ่มวิทยฐานะของตนเองจากการลงมือปฏิบัติงานจริงกับผู้เรียนที่เข้าร่วมกิจกรรม และยังพัฒนาให้โครงการส่งความรู้ สร้างความสุข เป็นต้นแบบโครงการที่สามารถสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับหน่วยงานอื่นๆ ในการพัฒนาคุณภาพการรู้หนังสือของเด็กไทยอย่างเสมอภาคและเท่าเทียม 

โครงการ “ส่งความรู้ สร้างความสุข ปี 5” ยังคงสานต่อความมุ่งมั่นผ่านการดำเนินงานโครงการ โดยจัดให้มีกิจกรรมการอ่าน วันละ 15 นาที, ก่อตั้งชมรมรักการอ่าน, การลงบันทึกรักการอ่านอย่างสม่ำเสมอ, ต่อยอดกิจกรรม “อ่านดัง ฟังเพลิน” ให้นักอ่านรุ่นใหม่อ่านแล้วบันทึกคลิปเสียงเพื่อส่งต่อสู่ผู้พิการทางสายตา เพื่อส่งเสริมให้นักเรียนที่เข้าร่วมชมรมรักการอ่านมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่ดีขึ้น 

ปีนี้ โครงการ “ส่งความรู้ สร้างความสุข ปี 5” มีพันธกิจในการขยายโครงการสู่โรงเรียน 51 แห่งจาก 22 จังหวัด และมีสมาชิกเข้าชมรมรักการอ่านกว่า 5,000 คน และได้เริ่มดำเนินโครงการดังกล่าวไปแล้วในหลายโรงเรียน ได้แก่ โรงเรียนวัด  มัชฌันติการาม กทม., โรงเรียนทุ่งสองห้อง (คุปตัษเฐียรอุทิศ) กทม., โรงเรียนเสนานิคม กทม., โรงเรียนวัดหนองใหญ่ กทม., โรงเรียนวัด ฝคู้บอน (วัฒนานันท์อุทิศ) กทม., โรงเรียนบ้านบางน้ำจืด จ.สมุทรสาคร, โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านนากระเสริม จ.นครพนม, โรงเรียนบ้านเขวา “รัฐประชาวิทยากร” จ.มหาสารคาม, โรงเรียนเทศบาลวัดดอนไก่ดี (สังวรจันทสรราษฎรวิทยา) จ.สมุทรสาคร เป็นต้น         

ส่งผลให้การดำเนินโครงการ “ส่งความรู้ สร้างความสุข” ที่เริ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2561 จนถึงปัจจุบัน จะมีโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการทั้งสิ้น 261 แห่งจาก 77 จังหวัดทั่วประเทศ ส่งมอบชั้นวางพร้อมหนังสือ 10 หมวดความรู้ให้แก่โรงเรียนต่างๆ ที่เข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 285,000 เล่ม และมีนักเรียนที่เข้าชมรมรักการอ่านกว่า 29,000 คน

จากการดำเนินโครงการตลอด 4 ปีที่ผ่านมา พบว่านักเรียนที่เข้าร่วมโครงการมีผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาดีขึ้น โดยในปีที่ 1    มีผลการเรียนดีขึ้น 64% ปีที่ 2 เพิ่มขึ้นเป็น 72% ปีที่ 3 เพิ่มขึ้นเป็น 75% และปีที่ 4 เพิ่มขึ้นเป็น77% จากจำนวนนักเรียนที่เข้าร่วมโครงการทั้งสิ้น 23,324คน ถือเป็นการเติบโตด้านผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนอย่างต่อเนื่องจากการดำเนินโครงการ

โครงการ “ส่งความรู้ สร้างความสุข ปี 5” นี้ ได้วางเป้าหมายความสำเร็จของโครงการคือ นักเรียนที่เข้าร่วมโครงการมีผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาที่ดีขึ้น ด้านผู้บริหารและคุณครูให้ความสำคัญเรื่องการอ่าน ซึ่งเป็นพื้นฐานของการรู้หนังสือของนักเรียน คุณครูเองยังได้พัฒนาด้านการเรียนการสอน และมีโอกาสพัฒนาความก้าวหน้าในวิชาชีพ ส่งเสริมให้โรงเรียนเป็นแหล่งข้อมูลที่เป็นสื่อประเภทหนังสือ คลิปวิดีโอการเรียนรู้ต่างๆ ที่มีคุณภาพ หลากหลาย เกี่ยวข้องกับการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของผู้เรียน”