เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 8 ต.ค. ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) นายเกรียงไกรมาศ พจนสุนทร หรือ เคนโด้ พิธีกรและผู้ประกาศ พร้อมด้วยผู้เสียหายกว่า 10 ราย หอบเอกสารหลักฐานของผู้เสียหายกว่า 400 ราย เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.ปริญญา ปาละ รอง ผกก.(สอบสวน) กก.1 บก.ปคบ. เพื่อยื่นเอาผิด น.ส.กรกนก สุวรรณบุตร หรือ แม่ตั๊ก และนายกานต์พล เรืองอร่าม หรือ ป๋าเบียร์ และทวงถามความคืบหน้าของคดี

เคนโด้ เปิดเผยว่า วันนี้ตนพาผู้เสียหายจำนวนหลายราย พร้อมหอบเอกสารรายชื่อผู้เสียหายรวมถึงหลักฐานปึกใหญ่ ที่ทางผู้เสียหายได้รวบรวมมาเอง มายื่นให้แก่ พ.ต.ท.ปริญญา นอกจากนี้ ยังมาทวงถามถึงความคืบหน้ากรณีดังกล่าว สำหรับประเด็นที่มีการเผยแพร่ผ่านทางโซเชียลเรื่องเส้นทางการเงิน และทรัพย์สินที่ถูกโยกย้าย รวมไปถึงผู้ที่อยู่เบื้องหลังของแม่ตั๊ก ว่าเหตุใดตำรวจจึงไม่ทราบถึงกรณีนี้ และไม่ทำการสืบสวนสอบสวน เพราะป้าข้างบ้านยังรู้เยอะกว่าตำรวจอีก

เคนโด้ กล่าวว่า ที่วันนี้ผู้เสียหายต้องมา เพราะตำรวจทำงานช้า ทำให้ผู้ต้องหามีการขนย้ายทรัพย์สิน และทางผู้เสียหายก็ไม่ทราบว่ามีความคืบหน้าอะไร เหตุใดตำรวจไม่แจ้งผ่านทางไลน์กลุ่มที่มีผู้เสียหายอยู่ในนั้น และในส่วนของคนสนิทของแม่ตั๊ก ไม่ว่าจะเป็น เจ๊นุช กระเป๋า และเมียหรั่ง ว่ามีการดำเนินคดีอะไรไปแล้วหรือไม่ เพราะเกรงว่าจะมีการหลบหนี รวมไปถึงกรอบระยะเวลาการทำสำนวนคดีดังกล่าว จะใช้เวลากี่วัน

ขณะที่ พ.ต.ท.ปริญญา กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจมีการตั้งคณะทำงานมานานแล้ว ที่ผ่านมาได้เห็นข้อมูลผ่านทางสื่อโซเชียลมาโดยตลอด และทางคณะทำงานก็มีการรวบรวมข้อมูลและตรวจสอบอยู่เสมอ เพียงแต่ไม่ได้เปิดเผยสู่สาธารณชน หรือไม่ได้แจ้งในไลน์กลุ่มที่มีผู้เสียหาย เนื่องจากจะมีผลต่อรูปคดี หากทางฝ่ายผู้ต้องหาทราบความคืบหน้า จะทำให้ไหวตัวทัน

ทั้งนี้ ทางคณะทำงานยึดหลักฐานตามนิติวิทยาศาสตร์ที่สามารถตรวจสอบได้ และใช้เป็นพยานหลักฐานในชั้นศาลได้ สำหรับกรอบระยะเวลาทำสำนวนคดีนี้ มีทั้งหมด 4 ฝาก โดยจะต้องส่งสำนวนคดีให้ทางชั้นอัยการไม่เกินวันที่ 2 พ.ย. แต่หากมีผู้เสียหายรายใหม่ ก็จะอยู่ในสำนวนเลขคดีใหม่ ยืนยันว่าทางคณะทำงานทำสำนวนคดีดังกล่าว ทันอย่างแน่นอน แต่อยากให้เข้าใจการทำงานของพนักงานสอบสวนด้วย วิงวอนผู้เสียหายอย่าใช้อารมณ์

เบื้องต้นตำรวจมีการออกหมายเรียกครั้งที่ 1 สำหรับคนสนิทของแม่ตั๊กแล้วทั้งสามคน คือ เจ๊นุช เมียหรั่ง และซ้อฝัน ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีใครเข้ามาให้การ แต่มีกำหนดสำหรับหมายเรียกครั้งแรกภายในสัปดาห์นี้ และส่วนที่ผู้เสียหายตั้งข้อสงสัยว่า มีกลุ่มนายทุนจีนหรือกลุ่มบุคคลที่มีผู้อิทธิพลอยู่เบื้องหลังหรือไม่นั้น ยืนยันว่ายังไม่พบ แต่หากพบว่ามีใครเชื่อมโยง ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ จะดำเนินคดีทั้งหมดอย่างไม่ละเว้น ที่ผ่านมาทางคณะทำงาน เมื่อพบหลักฐานที่มีการเชื่อมโยงว่าเป็นทรัพย์สินที่พิสูจน์ได้ว่ามาจากการฉ้อโกง ก็จะทำการยึดทรัพย์สินในทันที ไม่ว่าจะเป็นรถหรู หรือเงินทอง ทั้งนี้ฝากประชาสัมพันธ์ไปยังผู้เสียหายรายอื่นๆ สามารถเข้าแจ้งความได้ที่สถานีตำรวจท้องที่ทั่วประเทศ ไม่จำเป็นต้องเดินทางมาที่ บก.ปคบ. เพราะสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สั่งให้รวมสำนวนมาไว้ที่ บก.ปคบ. แล้ว แต่ขอให้พนักงานสอบสวนแต่ละท้องที่ ส่งสำนวนมารวมภายในวันที่ 25 ต.ค. นี้ เพื่อให้ทันส่งฟ้องผู้ต้องหาต่อไป