เมื่อวันที่ 7 ต.ค.67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชุมชนริมแม่น้ำเจ้าพระยา ในตำบลท่าอิฐ อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี เริ่มได้รับผลกระทบน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาเอ่อเข้าท่วมบ้านเรือนของประชาชน เป็นผลจากการเพิ่มอัตราการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยา ประกอบกับภาวะน้ำทะเลหนุนสูงช่วงเดือนตุลาคม โดยชุมชนมัสยิดท่าอิฐ หมู่ 10 ปริมาณน้ำเข้าท่วมประมาณ 30 – 40 เซนติเมตร มีบ้านเรือนได้รับผลกระทบกว่า 500 หลังคาเรือน ซึ่งประชาชนบางส่วนได้ร้องขอให้ส่วนท้องถิ่นนำเรือมาสำหรับใช้การสัญจรเข้าออกชุมชน

ด้านนายปรีดา เชื้อผู้ดี นายกองค์การบริหารส่วนตำบลท่าอิฐ อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ได้เรียกประชุมผู้นำชุมชน และ ผู้นำทางศาสนามาร่วมหาแนวทางการรับมือ พร้อมวางแผนในการเตรียมอพยพประชาชนไปยังสถานที่พักพิงที่จัดเตรียมไว้หากระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น นอกจากนี้ยังเตรียมติดตั้งเครื่องสูบน้ำ และ สำรวจผู้ป่วยติดเตียงภายในพื้นที่ ซึ่งคาดว่ามีอยู่ราว 50 คน

อีกทั้งย้ำเตือนประชาชนในบริเวณพื้นที่ลุ่มริมน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยา รวม 11 จังหวัด ติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด ภายหลังเขื่อนเจ้าพระยาปรับการระบายน้ำ มาอยู่ที่อัตรา 2,200 ลบ.ม./วินาที ตั้งแต่เวลา 16.00 น. วานนี้ (6 ต.ค.67) และยังคงการระบายน้ำที่อัตราดังกล่าว โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยง 7 จังหวัด ได้แก่ คลองโผงเผง คลองบางบาล แม่น้ำน้อย และพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกันน้ำบริเวณ จ.ชัยนาท อ.สรรพยา และวัดสิงห์ (ตำบลโพนางดำตก) , อ.เมืองสิงห์บุรี พรหมบุรี และอินทร์บุรี (วัดสิงห์ วัดเสือข้าม) จ.สิงห์บุรี , อ.ป่าโมกและไชโย (วัดไชโย) จ.อ่างทอง , อ.พระนครศรีอยุธยา บางบาล ผักไห่ (ตำบลลาดชิด ตำบลท่าดินแดง) และเสนา (ตำบลหัวเวียง) จ.พระนครศรีอยุธยา , อ.เมืองปทุมธานีและสามโคก จ.ปทุมธานี , อ.ปากเกร็ด (ตำบลท่าอิฐ) อ.เมืองนนทบุรี (ต.ไทรม้าและบางไผ่) จ.นนทบุรี ให้ขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง และติดตามข่าวสารจากหน่วยงานราชการอย่างใกล้ชิด เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องพร้อมให้ความช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มกำลัง แจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่จังหวัดชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง  สุพรรณบุรี ปทุมธานี นนทบุรี อุทัยธานี ลพบุรี พระนครศรีอยุธยา กรุงเทพมหานคร  และสมุทรปราการ


โดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยง 7 จังหวัด  ได้ประสานทุกจังหวัดให้เตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ล่วงหน้าแล้ว  ขอให้ประชาชนขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูงและติดตามข่าวสารจากหน่วยงานราชการอย่างใกล้ชิด  ย้ำประชาชนที่ต้องการความช่วยเหลือ สามารถแจ้งได้ที่สายด่วน 1567 ตลอด 24 ชม. ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่ระดมกำลังเพื่อช่วยคลี่คลายความเดือดร้อนแก่พี่น้องประชาชนโดยเร็ว.