เมื่อวันที่ 7 ต.ค. พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยภายหลังการประชุมมอบนโยบายผู้บริหารสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ทั้งวิทยาลัยอาชีวศึกษาภาครัฐและเอกชนว่า ตนได้ย้ำถึงการขับเคลื่อนนโยบายเรียนดีมีความสุข ซึ่งแม้จะเป็นนโยบายที่กำชับไปแล้ว แต่ต้องการมากระตุ้นเตือนให้การขับเคลื่อนนโยบายมีความเข้มข้นมากขึ้น อีกทั้งจะเปิดภาคเรียนที่ 2/2567 รวมถึงช่วงแต่งตั้งโยกย้ายผู้บริหารสถานศึกษาอาชีวะด้วย โดยตนได้ย้ำถึงมิติการทำงานด้านการครองตน ครองงานว่าจะต้องดำเนินการอย่างไรบ้าง ขณะเดียวกันได้มาสรุปผลการนำคาราวานอาชีวะอาสาช่วยประชาชนในพื้นที่จังหวัดเชียงราย

รมว.ศึกษาธิการ กล่าวต่อไปว่า สำหรับการเดินหน้านโยบายเรียนดีมีความสุขนั้น ตนได้ย้ำมิติในการทำงานด้านอาชีวศึกษา ซึ่งจะทำอย่างไรให้ผู้เรียนจบการศึกษาออกมาแล้วมีงานทำ หรือมีรายได้ระหว่างเรียน โดยการขับเคลื่อนงานต่อจากนี้สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) จะต้องทำให้มีความเข้มข้นมากขึ้น รวมถึงการเดินหน้าการจัดการศึกษารูปแบบทวิภาคีให้มีความเข้มข้นและเข้มแข็ง ซึ่งจะมีการทำความร่วมมือกับสถานประกอบการให้มากขึ้น เพราะการเรียนในรูปแบบดังกล่าวจะทำให้เด็กได้ฝึกประสบการณ์วิชาชีพกับสถานประกอบการจริง มีงานทำ และเด็กมีทักษะตรงกับสถานประกอบการด้วย ส่วนการเพิ่มผู้เรียนในสายอาชีพนั้น ก็ถือเป็นเป้าหมายหนึ่งในการทำงาน ที่จะทำอย่างไรให้เด็กหันมาเรียนในสายอาชีพมากขึ้น ซึ่งตนมองว่ามิติในเรื่องนี้อยากจะวัดคุณภาพเรื่องของอัตราที่เด็กเข้ามาว่ามีอัตราสูงขึ้นหรือไม่ และอัตราที่เด็กจบการศึกษาออกมาแล้วมีงานทำมากขึ้นด้วย รวมถึงวิทยาลัยแต่ละแห่งสามารถหยุดเด็กหลุดระบบการศึกษาได้หรือไม่ โดยประเด็นนี้จะกำหนดเป็นตัวชี้วัดหนึ่งให้แก่ผู้บริหารสถานศึกษาด้วย

“หากมองในมิติธรรมชาติแล้วคนที่สามารถบริหารจัดการศักยภาพได้สูงก็ต้องได้อยู่ในวิทยาลัยขนาดใหญ่ ดังนั้นการเพิ่มผู้เรียนสายอาชีพก็จะเป็นไปตามกำลังความสามารถของผู้บริหาร ซึ่งเราจะไม่ไปกำหนดสัดส่วนการเพิ่มผู้เรียนเหมือนในอดีตที่ผ่านมา เพราะหากทำเช่นนั้นจะเป็นการกดดันมากเกินไป เนื่องจากเราต้องดูมิติอัตราการเกิดของประชากรด้วย เช่น วิทยาลัยแห่งหนึ่งเดิมมีผู้เรียนอยู่ 25 คน แต่ต่อไปอัตราผู้เรียนยังอยู่ในสัดส่วนเท่าเดิมก็ต้องถือว่ายังเป็นสัดส่วนปกติ ดังนั้นเราจะต้องดูอัตราประชากรควบคู้ไปด้วย” รมว.ศธ. กล่าว