สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม เมื่อวันที่ 7 ต.ค. ว่าทางรถไฟจากกรุงฮานอย เมืองหลวงของประเทศ ไปยังนครโฮจิมินห์ ศูนย์กลางธุรกิจทางตอนใต้ จะกลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ที่สุดของเวียดนาม ซึ่งจะใช้งบประมาณเฉลี่ย 5,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี (ราว 187,331 ล้านบาท) เป็นระยะเวลา 12 ปี

นายเหวียน ดั่นห์ ฮุย รมช.คมนาคมเวียดนาม เปิดเผยว่า คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์ หรือโปลิตบูโร มีมติไม่พึ่งพาต่างประเทศ ในการจัดหาเงินทุนสำหรับสร้างรถไฟระยะทาง 1,541 กิโลเมตร ด้วยความเร็ว 350 กม./ชม. ซึ่งคาดว่าจะสร้างเสร็จภายในปี 2578

เหวียนเสริมว่า เงินทุนจะมาจากรายได้ของรัฐ และอาจมีการออกพันธบัตรรัฐบาลหากมีความจำเป็น ขณะที่เงินกู้จากต่างประเทศภายใต้เงื่อนไขผ่อนปรนจะได้รับการพิจารณา แต่เฉพาะในกรณีที่เงินทุนไม่เพียงพอเท่านั้น

เวียดนามลังเลที่จะขอรับความช่วยเหลือจากต่างประเทศ เนื่องจากสูญเสียเงินทุนช่วยเหลือการพัฒนา มูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 33,417 ล้านบาท) ไปเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา ท่ามกลางความล่าช้าในการบริหาร, การปราบปรามการทุจริต และความกลัวที่จะติดกับดักหนี้

อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญด้านโครงสร้างพื้นฐานจากต่างประเทศเตือนว่า เวียดนามอาจประสบปัญหาหากไม่พึ่งพาทุนจากภายนอก เนื่องจากค่าใช้จ่าย 5,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี จะเทียบเท่ากับร้อยละ 1.3 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ในปี 2566 และคิดเป็น 1 ใน 5 ของการใช้จ่ายงบประมาณโดยรวม ที่คาดการณ์ไว้สำหรับปีนี้

ตามข้อมูลของธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) เวียดนามใช้งบประมาณแผ่นดินประมาณร้อยละ 20 สำหรับโครงสร้างพื้นฐาน โดยส่วนใหญ่เป็นโครงการถนนในชนบท “การตัดสินใจจัดหาเงินทุนด้วยตนเองเป็นการแสวงหาแนวทางที่สมดุล แต่ในที่สุด เวียดนามจะแสวงหาเงินกู้, เงินทุน และเทคโนโลยีจากจีน, ญี่ปุ่น, เยอรมนี หรือพันธมิตรอื่น ๆ” นายเหวียน หุ่ง ผู้เชี่ยวชาญด้านโลจิสติกส์ กล่าว.

เครดิตภาพ : AFP