เมื่อเวลา  18.00 น. วันที่ 5 ต.ค.ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจาก นางสายทิพย์ โอวัฒนานวคุณ ชาวบ้านชุมชนวัดเจียง  ว่า มีคนทำร้ายหญิงชรา ที่บ้านหลังหนึ่งภายในชุมชนวัดเจียงอี ตำบลเมืองใต้ อำเภอเมือง จังหวัดศรีสะเกษ จึงรุดไปตรวจสอบ ที่เกิดเหตุ พบชายอายุ 35 ปี ซึ่งเป็นผู้ก่อเหตุ  ส่วนผู้บาดเจ็บ ทราบชื่อ คือ นางโฉมทิพย์ อายุ 86 ปี มีศักดิ์เป็นยายของผู้ก่อเหตุ ด้วยความหวาดกลัว ญาติจึงนำตัวไปอาศัยอยู่ที่อื่น เพราะหวั่นเกรงจะเกิดความไม่ปลอดภัย

ขณะที่นางสายทิพย์ ซึ่งมีศักดิ์เป็นป้าของผู้ก่อเหตุ ยืนด่าทอหลานชายของตัวเองด้วยความโมโห ว่าทำไมกระทำเยี่ยงนี้ ก่อนที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสายตรวจ สภ.เมืองศรีสะเกษ จะได้ทำการพูดเกลี้ยกล่อม และดำเนินการควบคุมตัว ผู้ก่อเหตุ ไปยังสถานีตำรวจภูธรเมืองศรีสะเกษ

จากการสอบสวน ผู้ก่อเหตุ รับสารภาพว่า  สาเหตุที่ทำร้ายยาย เกิดจากความไม่ตั้งใจ เพราะตนนั้น ได้มาขอเงินยาย แต่ยายไม่ยอมให้ ด้วยความโมโหจึงเขวี้ยงเงินเหรียญที่อยู่ในมือทิ้ง แต่ปรากฏว่า เงินเหรียญได้เด้งไปโดนกำแพงก่อนที่จะไปโดนหน้าผากยายของตน จนเกิดบาดแผลแตก ซึ่งที่ผ่านมาตนก็ไม่เคยทำร้ายยายแต่อย่างใด มีแต่เพียงบ่นเฉยๆ เพราะตนไม่ได้ทำการทำงาน จึงต้องขอเงินยายใช้ ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น  ตนไม่ได้ตั้งใจแต่อย่างใด ว่าจะเกิดเหตุการณ์รุนแรงและทำให้ยายได้รับบาดเจ็บ

นางสายทิพย์  กล่าวว่า  ตั้งแต่หลาน ทราบว่า ยายโฉมทิพย์ ได้เงิน10,000 บาท  จากรัฐบาลก็พยายาม มาบีบบังคับ เพื่อขอเงินยายโฉมทิพย์ อยู่เป็นประจำ โดยในครั้งแรก ยายโฉมทิพย์ ได้ให้เงินผู้ก่อเหตุไป 1,000 บาท แต่ก็นำไปใช้จนหมด และพยายามมาบีบบังคับขอเงินยายอีก ซึ่งยายไม่ได้เป็นคนเก็บเงินไว้ที่เอง แต่เป็นการถอนเงินออกมาเพียงบางส่วน และฝากไว้ที่ญาติพี่น้อง หากยายจะใช้เงินก็ทยอยขอจากทางญาติพี่น้อง ครั้งละ 100 – 200 บาท เพียงเท่านั้น

ทั้งที่ก่อนหน้านี้หลายครั้ง ญาติพี่น้องและชาวบ้าน ได้แจ้งกับตำรวจ เพื่อนำตัวผู้ก่อเหตุ ไปดำเนินการคุมขัง เพราะรู้สึกสงสารและเหลือทนกับพฤติกรรม แต่ปรากฏว่า เมื่อตำรวจจับกุมตัวไปแล้ว ไม่นานก็ปล่อยกลับมา  ญาติเลยหวั่นว่าจะทำร้ายยายโฉมทิพย์ จึงพาตัวไปหลบซ่อนบ้านญาติคนอื่น

ต่อมา ผู้สื่อข่าว เดินทางไปที่บ้านหลังหนึ่ง เพื่อพบกับนางโฉมทิพย์ หซึ่งถูกหลานชายแท้ๆทำร้าย โดยนางโฉมทิพย์ มีบาดแผลแตกบริเวณศีรษะ และผ้าเช็ดตัวที่เต็มไปด้วยคราบเลือด ซึ่งบาดแผลเกิดมาจากถูกนายวุฒิกร ทำร้าย  พร้อมแสดงเอกสารใบแจ้งความลงบันทึกประจำวัน.