สำนักข่าวซินหัวรายงานจากกรุงแคนเบอร์รา ประเทศออสเตรเลีย เมื่อวันที่ 4 ต.ค. ว่า จำนวนการยื่นขอวีซ่านักเรียนนักศึกษาจากต่างชาติ อยู่ที่ 18,697 คน เมื่อเดือน ก.ค. ปีนี้ ลดลงจาก 36,207 คน ในเดือน ก.ค. 2566 โดยปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นหลังรัฐบาลออสเตรเลียขึ้นค่าธรรมเนียม การยื่นขอวีซ่านักเรียนนักศึกษาชาวต่างชาติ จาก 710 ดอลลาร์ออสเตรเลีย (ราว 16,000 บาท) เป็น 1,600 ดอลลาร์ออสเตรเลีย (ราว 36,000 บาท) ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. ที่ผ่านมา


ขณะที่เมื่อเดือน ส.ค. ที่ผ่านมา รัฐบาลออสเตรเลีย ประกาศแผนการจำกัดจำนวนการรับสมัครนักเรียนนักศึกษาชาวต่างชาติของมหาวิทยาลัยและสถาบันอาชีวศึกษา สำหรับปีการศึกษา 2568 ให้อยู่ที่ 270,000 แสนคน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ ตัดลดจำนวนคนอพยพเข้าเมือง ที่สูงเป็นประวัติการณ์ของออสเตรเลีย


ทั้งนี้ การยื่นขอวีซ่าจากอินเดีย ซึ่งเป็นประเทศต้นทางของนักเรียนนักศึกษาชาวต่างชาติขนาดใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของออสเตรเลีย อยู่ที่ 4,383 คน ระหว่างเดือน ก.ค.-ส.ค. ที่ผ่านมา ลดลง 66.4% เมื่อเทียบกับสถิติของช่วงเวลาเดียวกันเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งมีจำนวนรวมอยู่ที่ 13,047 คน


ด้านการยื่นขอวีซ่าจากฟิลิปปินส์ ลดลงจาก 5,126 คน อยู่ที่ 849 คน และการยื่นขอวีซ่าจากปากีสถาน ลดลงจาก 4,234 คน อยู่ที่ 616 คน ส่วนการยื่นขอวีซ่าจากจีน ซึ่งเป็นประเทศต้นทางนักเรียนนักศึกษาชาวต่างชาติขนาดใหญ่ที่สุดของออสเตรเลีย ลดลงไม่ถึง 10%


อนึ่ง ยูนิเวอร์ซิตีส์ ออสเตรเลีย ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับควบคุมมหาวิทยาลัยระดับสูงสุดของออสเตรเลีย เตือนว่า การกำหนดเพดานจำนวนนักเรียนนักศึกษาชาวต่างชาติของรัฐบาล อาจส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจของประเทศอย่างมาก รวมถึงอาจทำให้เกิดการเลิกจ้างงานในอุตสาหกรรมอุดมศึกษาหลายพันอัตรา.

ข้อมูล : XINHUA

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES