วันที่ 4 ต.ค. องค์กรขนาดใหญ่ของไทยอย่างซีพี ไทยเบฟ และเอสซีจี ลงนามบันทึกข้อตกลง “ร่วมสืบสานเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อความสมดุลและยั่งยืน” ผลักดันหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงทั้งในระดับประเทศและยกระดับสู่สากล เพื่อเทิดพระเกียรติและสืบสานพระราชปณิธานในวาระ 100 ปีชาตกาล ในหลวงรัชกาลที่ 9 ในปี พ.ศ. 2570

บริษัทเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) บริษัทไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) และเอสซีจี ได้จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลง “ประกาศเจตนารมณ์ร่วมสืบสานเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อความสมดุลและยั่งยืน” โดยมี นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหารเครือเจริญโภคภัณฑ์ นายฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัทไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) และ นายธรรมศักดิ์ เศรษฐอุดม กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี เป็นผู้ร่วมลงนาม ในงาน SX 2024 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหารเครือเจริญโภคภัณฑ์ กล่าวว่า ความร่วมมือในครั้งนี้เกิดจากความมุ่งมั่นร่วมกันของทั้งสามองค์กร โดยมีจุดประสงค์สำคัญในการเทิดพระเกียรติและสืบสานพระราชปณิธานของในหลวงรัชกาลที่ 9 ผ่านการน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้ในการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบอย่างเป็นรูปธรรม มุ่งหวังให้โครงการนี้เป็นตัวอย่างในการพัฒนาที่ยั่งยืนและสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมไทย ทั้งนี้ เครือเจริญโภคภัณฑ์มีความภาคภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการสืบสานแนวทางที่พระองค์ท่านได้วางรากฐานไว้ เพื่อสร้างความยั่งยืนทั้งทางเศรษฐกิจและสังคมในระยะยาว

โครงการต้นแบบที่จะดำเนินการร่วมกับทั้งสามองค์กรนี้ จะเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาพื้นที่ให้เกิดการเจริญเติบโตอย่างยั่งยืนและสามารถขยายผลไปยังชุมชนอื่น ๆ ได้ต่อไป เครือเจริญโภคภัณฑ์มุ่งหวังว่าโครงการนี้จะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน พร้อมทั้งร่วมเฉลิมพระเกียรติในวาระครบรอบ 100 ปีชาตกาลของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในปี พ.ศ. 2570 ซึ่งยังสอดคล้องกับการทบทวนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ขององค์การสหประชาชาติอีกด้วย

นายฐาปน สิริวัฒนภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า โครงการนี้มีเป้าหมายที่จะสร้างหลักฐานเชิงประจักษ์ในพื้นที่ปฏิบัติการภายใน 3 ปี เพื่อให้ชุมชนเหล่านี้มีความยืดหยุ่นทางเศรษฐกิจ พร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลง นำไปสู่การปรับใช้ในทุกระดับของประเทศ และยังเป็นโอกาสให้ประเทศไทยนำเสนอปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงบนเวทีโลก เพื่อช่วยเหลือประเทศอื่น ๆ ในการรับมือกับความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นในอนาคตด้วย

นายธรรมศักดิ์ เศรษฐอุดม กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี กล่าวถึงแผนการดำเนินงานของโครงการว่า จะยึดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง โดยเน้นการพัฒนาที่เริ่มจากภายในชุมชน หรือ “การระเบิดจากภายใน” จากนั้นจึงขยายความร่วมมือไปยังภาคส่วนต่าง ๆ เพื่อให้แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงถูกนำไปใช้ในองค์กรต่าง ๆ ทั่วประเทศ และเตรียมพร้อมยกระดับสู่สากล โดยองค์ความรู้ที่ได้จากการดำเนินงานนี้จะถูกนำไปเป็นส่วนหนึ่งของข้อเสนอจากประเทศไทยในการพัฒนาเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ฉบับใหม่ขององค์การสหประชาชาติ ในปี 2573

สำหรับการสร้างต้นแบบในท้องถิ่น เพื่อขยายผลสู่พื้นที่อื่น ๆ จะมุ่งเน้นที่สระบุรีแซนด์บอกซ์ การเปลี่ยนผ่านสู่เมืองคาร์บอนต่ำ เพิ่มขีดความสามารถในการรับมือกับความเปลี่ยนแปลงและสร้างภูมิคุ้มกันทั้ง 4 มิติ ได้แก่ เศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรม โดยใช้จุดแข็งเชิงพื่นที่ให้เกิดประโยชน์ และยังขยายผลความสำเร็จของโรงเรียนไร้ขยะในจังหวัดราชบุรีมาที่จังหวัดสระบุรี เพื่อปลูกฝังให้เด็กและเยาวชนมีจิตสำนึกรักสิ่งแวดล้อมและจัดการขยะอย่างถูกวิธี

ทั้งนี้ ความร่วมมือระหว่าง ซีพี ไทยเบฟ และเอสซีจี เป็นก้าวแรกในฐานะบริษัทนำร่อง เพื่อมุ่งส่งเสริม ขยายผล และผลักดันให้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเป็นแนวทางสำคัญในการพัฒนาที่ยั่งยืนสำหรับเศรษฐกิจทุกระดับของประเทศ พร้อมทั้งยกระดับสู่สากลผ่านเวทีขององค์การสหประชาชาติต่อไป