สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 4 ต.ค. ว่านายกรัฐมนตรีชิเงรุ อิชิบะ ผู้นำญี่ปุ่น แถลงนโยบายต่อสภาผู้แทนราษฎร มีเนื้อหาตอนหนึ่งว่า บรรยากาศด้านภูมิรัฐศาสตร์โลกในเวลานี้เผชิญกับความตึงเครียดอย่างมาก เต็มไปด้วยการแบ่งแยกและการเผชิญหน้า โดยเฉพาะสถานการณ์ในยูเครนและตะวันออกกลาง ดังนั้น สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับยูเครนวันนี้ “อาจเกิดขึ้นกับเอเชียตะวันออกในวันพรุ่งนี้” และตั้งคำถามว่า “เพราะเหตุใดนโยบายป้องปรามจึงใช้ไม่ได้ผลกับยูเครน”


ทั้งนี้ อิชิบะเลี่ยงกล่าวถึงจีนอย่างตรงไปตรงมา อย่างไรก็ตาม เป็นที่ทราบกันดีนว่า ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศมหาอำนาจในเอเชียตะวันออกตึงเครียดอย่างมากในระยะหลัง ทั้งจากข้อพิพาทเรื่องอาณาเขตทางทะเล ประวัติศาสตร์ และการค้า


ขณะเดียวกัน ผู้นำญี่ปุ่นกล่าวถึงสถานการณ์ด้านประชากรของประเทศ ซึ่งอัตราการเกิดเมื่อปีที่แล้วต่ำเป็นประวัติการณ์ “คือภาวะฉุกเฉินเงียบ” ที่รัฐบาลชุดใหม่ต้องเร่งแก้ไข โดยจะมีมาตรการจูงใจการแต่งงานและมีบุตร และการผ่อนผันเวลาทำงาน เพื่อให้ลูกจ้างซึ่งเพิ่งมีบุตร มีเวลาเลี้ยงดูบุตรมากขึ้น


นอกจากนี้ อิชิบะกล่าวถึงการเพิ่มงบประมาณสนับสนุนการดำเนินงานของรัฐบาลท้องถิ่น และการช่วยเหลือครัวเรือนที่มีรายได้น้อย โดยมีการเสนอเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำรายชั่วโมง จากปัจจุบัน 1,050 เยน (ราว 236.72 บาท) เป็น 1,500 เยน (ราว 338.17 บาท) ซึ่งเท่ากับเป็นการเพิ่มขึ้นเกือบ 43%


อีกหนึ่งประเด็นที่อิชิบะกล่าวถึง เกี่ยวกับการสืบราชสันตติวงศ์ของประเทศ ซึ่งกฎมณเฑียรบาลระบุว่า องค์รัชทายาทต้องเป็นชายเท่านั้น อย่างไรก็ตาม รัชทายาทที่เป็นชายสายตรงจากสมเด็จพระจักรพรรดินารุฮิโตะ มีเพียง เจ้าชายฟูมิฮิโตะ อากิชิโนะมิยะ มกุฎราชกุมาร และเจ้าชายฮิซาฮิโตะ พระโอรสในเจ้าชายฟูมิฮิโตะกับเจ้าหญิงคิโกะ มกุฎราชกุมารี ซึ่งผู้นำญี่ปุ่นกล่าวว่า จะมีการหารือและอภิปรายเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างกว้างขวาง “เพื่อความมั่นคงและความราบรื่น” ของการสืบราชสมบัติในราชวงศ์.

เครดิตภาพ : AFP