น้ำท่วมในประเทศไทย ปี 2567 นี้ยังไม่คลี่คลาย ในหลายพื้นที่หลายจังหวัด โดยเฉพาะภาคเหนือยังคงประสบภัยจากน้ำท่วมครั้งนี้ ไม่ใช่แค่บ้านเรือนที่อยู่อาศัยได้รับผลกระทบเสียหายหนักเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีรถยนต์ที่ใครหลายคนถึงกับเครียด เพราะต้องเจอกับน้ำท่วมรถ และไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรดี ประกันที่มีอยู่คุ้มครองหรือไม่

สาเหตุประกันไม่ให้ความคุ้มครอง น้ำท่วมรถ

  • บริษัทฯประกันส่วนใหญ่จะไม่ให้ความคุ้มครอง ในกรณีที่ผู้ขับขี่จงใจทำให้รถเสียหายจากภัยน้ำท่วม เช่น ตั้งใจขับรถลุยน้ำ ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่ารถอาจได้รับความเสียหาย เป็นต้น ถ้าเป็นแบบนี้บริษัทฯประกันจะไม่คุ้มครอง

กรณีบริษัทฯประกันให้ความคุ้มครอง น้ำท่วมรถ

  • บริษัทฯประกันจะให้ความคุ้มครองแก่รถที่ประสบภัยน้ำท่วม ในกรณีรถได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์อุบัติเหตุ เช่น ฝนตกหนักจนทำให้น้ำท่วมเข้ารถ เกิดภัยพิบัติในขณะที่ขับรถอยู่ แบบนี้บริษัทฯประกันคุ้มครอง

น้ำท่วมแค่ไหน รถปลอดภัย?

  • ระดับน้ำ 5-20 เซนติเมตร: ระดับนี้ไม่ส่งผลเสียต่อการเดินทาง แต่อาจส่งผลแค่อาจทำความเสียหายให้กับรถยนต์ โดยเฉพาะรถเก๋ง เนื่องจากน้ำอาจทำให้เกิดสนิมจากความชื้นของน้ำหากปล่อยไว้ไม่ดูแลทำความสะอาดดูแล
  • ระดับน้ำ 20-40 เซนติเมตร: หากวัดกับความสูงประมาณหัวเข่าขึ้นไปจนถึงต้นขา ปริมาณน้ำระดับนี้เริ่มเป็นปัญหา ระดับความสูงของน้ำที่เกินครึ่งล้อแบบนี้อาจส่งผลให้ท่อไอเสียจม และน้ำอาจเริ่มซึมเข้ามาในรถสร้างความเสียหายแก่พรม แต่ยังไม่เป็นปัญหาสำหรับรถกระบะที่มีความสูงมากกว่า
  • ระดับน้ำ 40-60 เซนติเมตร: รถกระบะทั่วไปนั้นอาจสามารถวิ่งได้อยู่ แต่ต้องลุ้นพอสมควรหากต้องขับสวนกับรถในเลนตรงข้าม เพราะอาจจะเกิดคลื่นน้ำที่จะทำให้น้ำเกิดความสูงกว่าปกติทำให้เข้าเครื่องได้ เมื่อเจอน้ำในระดับนี้ควรปิดเครื่องปรับอากาศทันที
  • ระดับน้ำ 60 เซนติเมตรขึ้นไป: ความสูงของน้ำระดับนี้ถือว่าเป็นอันตรายต่อรถยนต์ทุกประเภท เพราะน้ำอาจมีสิทธิไหลเข้ากรองอากาศได้ง่ายกว่า เพราะถ้าน้ำไหลเข้ากรองอากาศแล้ว สามารถทำให้เครื่องยนต์หยุดชะงักและสร้างความเสียหายต่อระบบต่าง ๆ ได้

5 สิ่งที่ควรรู้ เมื่อขับรถเจอน้ำท่วม

  1. หากเจอเส้นทางน้ำท่วม ห้ามขับรถลุยน้ำเด็ดขาด ให้เลี่ยงไปใช้เส้นทางอื่นแทน
  2. หากมีความจำเป็นต้องขับลุยน้ำจริง ๆ ควรปิดแอร์ และขับช้า ๆ ใช้เกียร์ต่ำ
  3. หากเครื่องดับกลางน้ำ อย่าพยายามสตาร์ตเครื่อง เพราะจะทำให้น้ำเข้าห้องเครื่องมากยิ่งขึ้น ควรโทรฯหาบริษัทฯประกันเพื่อรอความช่วยเหลือ และประเมินความเสียหายจะดีที่สุด
  4. หากน้ำเข้าไปในตัวรถ ควรเปิดประตูรถทั้งหมด หรือนำไปจอดตากแดดเพื่อไล่ความอับชื้น โดยถอดเบาะทั้งหมดออก และนำพรมปูพื้นมาซักทำความสะอาด
  5. ในส่วนของผ้าเบรกนั้น เมื่อพ้นสภาพการลุยน้ำแล้ว ควรเดินหน้าถอยหลังแล้วเบรกแรง ๆ หลาย ๆ ครั้ง เป็นการรีดน้ำออกจากผ้าเบรก เพื่อประสิทธิภาพในการทำงานกลับมาดีเหมือนเดิม

ขอบคุณข้อมูล DirectAsia Thailand