เข้ามาบริหารประเทศได้ไม่ถึงเดือน “อิ๊งค์” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ก็มีคิวที่จะต้องเดินสายไปโชว์ตัวต่างประเทศ และแสดงวิสัยทัศน์ให้ผู้นำชาติต่างๆ ได้รับรู้ แนวทางการขับเคลื่อนประเทศไทยต่อจากนี้เป็นอย่างไร โดยเป็นการเดินทางไปต่างประเทศครั้งแรกในฐานะนายกฯ ภายหลังเข้ารับตำแหน่ง ระหว่างวันที่ 2-4 ต.ค.นี้ ซึ่งนายกฯ จะเข้าร่วมประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือเอเชีย (ACD) ครั้งที่ 3 ที่กรุงโดฮา รัฐกาตาร์ โดยนายกจะมีคิวกล่าวถ้อยแถลงเป็นลำดับที่ 2 ต่อจากกาตาร์ ซึ่งเป็นการแสดงวิสัยทัศน์เป็นครั้งแรก หลังจากรับตำแหน่ง ในหัวข้อต่าง ๆ อาทิ เศรษฐกิจ สังคม และการพัฒนาทรัพยากรอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องระหว่างประเทศสมาชิก รวมถึงหัวข้อสำคัญ คือ “Sports Diplomacy” หรือการใช้กีฬาเพื่อการทูตระหว่างประเทศ

นอกจากนี้ จะเน้นย้ำถึงความพร้อมในการผลักดันความร่วมมือ ภายใต้กรอบ ACD ให้เกิดผลเป็นรูปธรรม เนื่องในโอกาสที่ประเทศไทยจะเป็นประธาน ACD วาระปี 2568 ในวันที่ 1 ม.ค. 68 นี้ พร้อมทั้งร่วมรับรองปฏิญญาโดฮา (Doha Declaration) ในการขับเคลื่อนความร่วมมือด้านการทูตเชิงกีฬา และส่งเสริมให้ ACD เป็นเวทีหารือระดับนโยบายระหว่างประเทศในเอเชียอีกด้วย

พร้อมทั้งยังมีกำหนดการหารือทวิภาคีกับผู้แทนระดับประมุข หรือ หัวหน้ารัฐบาล อาทิ กาตาร์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเชื่อว่าหลายฝ่ายต้องจับตามองมาก แนวทางที่หัวหน้ารัฐบาลสื่อสารออกไปในเวทีนานาชาติ จะได้รับความสนใจและถูกจับตามองมากแค่ไหน โดยนายกฯ มีกำหนดการเดินทางกลับถึงประเทศไทยในเวลา 01.50 น. ของวันที่ 4 ต.ค. จากนั้นนายกฯ มีกำหนดการเดินทางไปกรุงเวียงจันทน์ ประเทศลาว เพื่อเข้าร่วมประชุมผู้นำอาเซียนครั้งที่ 44 และ 45 และการประชุมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องระหว่างวันที่ 8-11 ต.ค.นี้

ขณะที่การแต่งตั้งบุคคลเข้ามาดำรงตำแหน่งสำคัญในภาครัฐ ก็ยังดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอีกหนึ่งตำแหน่งที่มีความสำคัญคือ “เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.)” แทน “พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์” ที่เกษียณอายุราชการแล้วเมื่อวันที่ 30 ก.ย.ที่ผ่านมา ใครจะเข้ามารับตำแหน่งสำคัญ โดยมีรายงานว่า “นายภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกฯ และรมว.กลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการสมช. จะเป็นประธานการประชุมสมช ในวันที่ 4 ต.ค.นี้ เวลา 10.00 น.

มีวาระพิจารณาการติดตามประเมินสถานการณ์ความมั่นคงในภาพรวม และการพิจารณาแต่งตั้งบุคคลมาดำรงตำแหน่งเลขาธิการสมช.คนใหม่ ซึ่งจะมีการเสนอชื่อรองเลขาธิการสมช. 3 คน ได้แก่ นายฉัตรชัย บางชวด นายรัชกรณ์ นภาพรพิพัฒน์ และนายวรณัฐ คงเมือง ให้ที่ประชุมได้พิจารณาตามขั้นตอนธุรการ ซึ่งชื่อของนายฉัตรชัยถือว่ามาแรงสุด และเหลืออายุราชการอีก 3 ปี โดยจะเกษียณอายุราชการในปี 2570 แม้ก่อนหน้านี้จะมีกระแสข่าวชื่อบุคคลอื่นเข้ามาสอดแทรกอยู่เป็นระยะ ทั้งนี้ หากที่ประชุมสมช.ให้ความเห็นชอบ คาดว่าจะเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้พิจารณาแต่งตั้งในสัปดาห์หน้า

อย่างไรก็ตามมีการจับตามองไปที่ “พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข” ผู้ช่วย ผบ.ตร.อาวุโสอันดับ 1 รักษาราชการแทน รอง ผบ.ตร. จะมีความใกล้ชิดกับ “นายทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกฯ จะกลายเป็นเสือข้ามห้วย เข้ามารับตำแหน่งเลขาธิการสมช. หรือไม่ เพราะมีแนวโน้มว่า จะไม่ได้เป็นแคนดิเดตชิงเก้าอี้ “ผบ.ตร.” เนื่องจากยังไม่ได้ติดยศ “พล.ต.อ.”

แต่ก่อนหน้า “นายภูมิธรรม” เคยแสดงความเห็น เมื่อถูกนักข่าวตั้งคำถามว่า ถึงตำแหน่งเลขาธิการ สมช. ต้องรอการแต่งตั้ง ผบ.ตร.ให้ลงตัวก่อน เพื่อที่ว่า คนที่ไม่ได้ จะได้มานั่งเลขาธิการ สมช.หรือไม่ว่า “พูดอย่างนี้เหมือนกับว่า สมช. เป็นหน่วยงานรองบ่อน ที่ไม่ควรจะเป็นอย่างนั้น ที่ผ่านมาก็ว่าไป เพราะผมไม่ทราบเงื่อนไข แต่ปัจจุบันต้องดูความเหมาะสมของหน่วยงาน และเลือกบุคคลที่เหมาะสมกับหน่วยงาน ไม่ใช่เลือกตรงไหนไม่ได้ แล้วเอามาใส่ตรงนี้ ไม่ได้เป็นอย่างนั้น” คงต้องรอดูคนในองค์กร จะได้นั่งเก้าอี้ “เลขาธิการสมช.” ในรอบหลายปีหรือไม่

ส่วน “นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์” อดีตโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) ก็ยังเดินหน้าตรวจสอบ การเข้ามาทำหน้าที่สส.ในสภาผู้แทนราษฎรของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) อย่างต่อเนื่อง หลังจากออกมาเปิดข้อมูลว่า หัวหน้าพรรคพปชร.ลาประชุม 98 ครั้ง

เมื่อวันที่ 2 ต.ค. “นายพร้อมพงศ์” ได้เดินทางมาที่อาคารรัฐสภา โดยกล่าวว่า มาตามนัดที่เคยบอกว่าจะเป็น “พ่อบ้านสภาชั่วคราว” เพื่อติดตามว่า พล.อ.ประวิตร มาทำงานที่สภาหรือไม่ เนื่องจากทุกวันพุธและพฤหัสบดีเป็นหน้าที่ของ สส.ที่จะมาประชุม ส่วนการแถลงข่าวของ “นายไพบูลย์ นิติตะวัน” เลขาธิการพรรคพปชร. ที่ระบุว่า

ในวันที่ 3 ต.ค. 2567 พล.อ.ประวิตร จะลาประชุมและจะให้มาทำงานในสภา รวมถึงจะคืนเงินที่ได้รับมา ตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง จะเป็นความรู้สึกที่ช้าเกินไปหรือไม่ และการที่บอกว่า ตนไปร้องมั่ว ไม่รู้กฎหมาย แต่นายไพบูลย์นั่นแหละมั่ว เพราะไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคการเมืองใด ไม่มีแกนนำคนใดมาสั่งการ ไม่ได้รับจ้างใครมาร้อง อยากเตือนสติ พล.อ.ประวิตร ถ้าให้นายไพบูลย์มาแถลงข่าวว่า จะยื่นหนังสือให้เลขาธิการสภาเพื่อคืนเงิน ตั้งแต่เข้าทำหน้าที่ และต่อไปไม่รับนั้น นี่คือการจำนนต่อหลักฐาน เพราะความผิดสำเร็จแล้ว ซึ่งแปลว่าคำร้องไม่ได้มั่ว ถ้ามั่วจริง พล.อ.ประวิตรคงไม่คืนเงิน

พร้อมทั้งระบุว่า ขอเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้ง นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภา, คณะกรรมการจริยธรรม, ผู้นำฝ่ายค้านในสภา เร่งทำสภาให้สะอาดสักที ต้องกวาดบ้านตัวเอง สส.ทั้ง 500 คน ก็ต้องช่วยกัน เรื่องนี้จนมุม การคืนเงินไม่มีประโยชน์ ถ้าอยากจะสร้างประโยชน์ให้กับสภาอย่างที่นายไพบูลย์บอกนั้น เขาต้องประกาศคืนเงินตั้งแต่ต้นตั้งแต่รับตำแหน่ง นายไพบูลย์เตรียมให้ พล.อ.ประวิตรไปชี้แจงต่อ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เลย เรื่องนี้คามุม

ขอท้านายไพบูลย์ว่านมีข้อมูลทั้งหมดที่จะตรวจสอบพล.อ.ประวิตร ถ้ายังไม่ลาออกอย่างชายชาติทหาร ก็จะตรวจสอบให้จบ เจอกัน 2 ชม.ดีเบต ดีหรือไม่ ให้เป็นแมตช์หยุดโลกเลย เมื่อถามถึงกรณีที่ พล.อ.พิศาล วัฒนวงศ์คีรี สส.บัญชีพรรคพท. ไม่มาประชุม นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า ก็ร้องมา จะดำเนินการให้ และตามตัวให้มาประชุมแน่นอน ส่วนการตรวจสอบว่า พล.อ.พิศาล มีการลาประชุมหรือไม่นั้น เป็นเรื่องที่สภาต้องตอบ แต่ถ้ามีคนร้องมา ก็ตรวจสอบเช่นเดียวกัน ยืนยันว่าไม่เลือกปฏิบัติ ไม่มีอคติ

ขณะที่ “นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช” รองโฆษกพรรคพปชร. ก็ออกมาตอบโต้การแถลงข่าวของนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ อดีตโฆษกพรรคพท. โดยตั้งคำถามว่า ได้อามิสสินจ้างหรือไม่ การขยันมาร้องเรียนพล.อ.ประวิตร อาจเป็นเหตุทำให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ เดือดร้อน อาจจะไม่ได้เป็นนายกฯ ต่อ เพราะพรรคที่สังกัดอยู่ถูกยุบ นายพร้อมพงศ์ขยันเหมือนสุนัขเฝ้าบ้าน ควรเห่าทุกคนที่ทำผิด พล.อ.ประวิตร ได้ยื่นหนังสือไม่รับเงินเดือน และคืนเงินเดือนทั้งหมดต่อเลขาฯ สภาแล้ว และ พล.อ.ประวิตร ไม่เคยรับเงินเดือน สส. แม้แต่เฟื้องเดียว

ส่วน พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี สส.บัญชีรายชื่อ พรรคพท. อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 ที่มีหมายจับและคดีกำลังจะหมดอายุความในเดือนต.ค. 2567 นายพร้อมพงศ์ ได้ติดตามหาตัวมาลงโทษแล้วหรือไม่ คดีตากใบเป็นคดีที่สะเทือนขวัญกระทบต่อจิตใจประชาชน เชื่อว่ากระบวนการยุติธรรมมีอยู่จริง นายกฯ และพรรคพท. จะจับมาดำเนินการตามกฎหมายหรือรับงานใครมาหรือไม่ ทำไมถึงพุ่งเป้าร้องเรียน “พล.อ.ประวิตร” แต่เพียงผู้เดียว

เมื่อถามว่า การลา 90% อาจจะเป็นการลาที่ไม่ถูกต้องตามระเบียบนั้น นายสามารถ กล่าวว่า นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภา อนุญาตให้ลา แปลว่าไม่ขาดการประชุม ในสมัยประชุมมี สส. ไม่มาเลยสักวันก็ลาได้ ถ้าประธานสภาอนุญาต ทั้งนี้ การที่นายพร้อมพงศ์ กล่าวอ้างว่านักกฎหมายรอบตัว พล.อ.ประวิตร ไม่มีฝีมือ อาจจะทำให้จนมุมได้นั้น ขอย้ำว่า นายพร้อมพงศ์ อ่านกฎหมายคนละเล่ม เราอยู่ในประเทศไทย มีรธน.ปี 60 เป็นกฎหมายแม่แบบ กฎหมายใดขัดรธน.ไม่ได้

จากต้องรอดูว่า หลัง “พล.อ.ประวิตร” ประกาศไม่รับเงินเดือนและขอคืนเงินที่ได้รับไปแล้ว กระบวนการตรวจสอบของสภา ด้านจริยธรรม และองค์กรอิสระยังเดินหน้าต่อหรือไม่ รวมทั้งการตรวจสอบ “พล.อ.พิศาล วัฒนวงศ์คีรี” สส.พรรคพท. ที่มีคดีตากใบติดตัวอยู่ และกำลังจะหมดอายุความในวันที่ 25 ต.ค. ที่ผ่านมา เข้าร่วมประชุมสภาหรือไม่ อยู่ที่ว่าใครจะเป็นคนหาคำตอบ