เมื่อเวลา 11.55 น. วันที่ 2 ต.ค. 2567 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ทำหน้าที่ประธานการประชุม ทั้งนี้มีการพิจารณาญัตติด่วนด้วยวาจาของ สส. จำนวน 3 ญัตติ ได้แก่ นายเจเศรษฐ์ ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย นพ.ทศพร เสรีรักษ์ สส.แพร่ พรรคเพื่อไทย น.ส.ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ สส.กทม. พรรคประชาชน เพื่อให้พิจารณาศึกษาแนวทางเสนอข้อคิดเห็นและการยกระดับมาตรฐานในการป้องกันการเกิดเหตุกรณีรถบัสทัศนศึกษา เกิดเหตุเพลิงไหม้ และหาแนวทางช่วยเหลือเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษาของคณะครูและนักเรียนโรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม จ.อุทัยธานี เมื่อวันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและผู้เสียชีวิตจำนวนมาก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โดยมี สส. ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน อภิปราย จำนวน 48 คน อภิปรายให้ความเห็นข้อเสนอแนะอย่างกว้างขวาง ทั้งนี้ สส.ส่วนใหญ่ ให้ข้อคิดเห็นในประเด็นมาตรฐานด้านความปลอดภัยของรถสาธารณะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถที่เกี่ยวข้องกับนักเรียนต้องมีมาตรฐานเฉพาะเป็นพิเศษ จำเป็นต้องมีการปรับปรุงกฎระเบียบต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการใช้รถใช้ถนน ปรับปรุงมาตรการด้านความปลอดภัยสาธารณะให้เป็นระบบ เพื่อความปลอดภัยของประชาชนทุกคน และให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล ปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยในชีวิตของประชาชนทุกคน ยกระดับมาตรฐานการตรวจสภาพรถของขนส่งทั้งภาครัฐและเอกชนให้มีมาตรฐาน บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ผู้ประกอบการขนส่ง เจ้าของรถ ต้องมีความรอบรู้และเข้าใจกับปัญหาที่เกิดขึ้นและจะต้องใส่ใจมาตรฐานของรถให้มีความปลอดภัย รถต้องมีมาตรฐาน คนขับรถต้องมีความสามารถ มีศักยภาพ มีความรับผิดชอบ และมีความพร้อมในการขับรถ รู้จักวิธีระงับเหตุเบื้องต้น การใช้อุปกรณ์ด้านความปลอดภัย การดูแลเยียวยาผู้ประสบเหตุต้องมีความรวดเร็วและครบถ้วน
ส่วนประเด็นเรื่องการทัศนศึกษา ยังเป็นสิ่งที่ควรดำเนินการต่อไป แต่อาจจะต้องปรับให้มีความเหมาะสม เช่น จำนวนครูที่ดูแลเด็กหากเป็นเด็กเล็ก กำหนดอายุของเด็กในการทัศนศึกษา ระยะทางการทัศนศึกษา ต้องมีหลักเกณฑ์และเหมาะสม เพราะการทัศนศึกษาเป็นการเปิดประสบการณ์และการเรียนรู้นอกห้องเรียนของเด็ก และต้องมีแผนซักซ้อมสำหรับการป้องกันและช่วยเหลือตนเองระหว่างการทัศนศึกษา รวมถึงสื่อมวลชนต้องมีความรับผิดชอบการนำเสนอข่าวสาร ไม่ให้เกิดความกระทบกระเทือนจิตใจ ไม่สร้างบาดแผลความเจ็บปวดให้เกิดขึ้นซ้ำอีก
โดยนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน อภิปรายว่า ถึงการทัศนศึกษาว่าเป็นประโยชน์ต่อการเรียนรู้ของเด็กนักเรียนไม่ได้เป็นปัญหา แต่เกิดจากการจัดการความปลอดภัยของยานพาหนะที่พาไปทัศนศึกษา ส่วนปัญหารถบัส รถตู้ ขนส่งสาธารณะหรือรับจ้างเพื่อการโดยสารของคนจำนวนมาก โดยเฉพาะการออกประกาศหนังสือรับรองติดตั้งก๊าซ CNG แม้จะมีข้อกำหนดที่เข้มข้น แต่ปัญหาคือการบังคับใช้ เพราะรถบัสคันที่เกิดเหตุถูกตั้งข้อสังเกตจากวิศวกรว่า การเฉี่ยวชนแบริเออร์ ถึงขั้นทำให้เกิดเพลิงไหม้ได้อย่างไร เป็นเรื่องที่กรมการขนส่งทางบกจะต้องเร่งตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัยใหม่ ขันนอตเรื่องความปลอดภัยของรถบัสที่ใช้โดยสาร ถ้าเกิดการตรวจสอบการตรวจสภาพรถประจำปีและการอนุญาตให้รถที่ติดตั้งก๊าซวิ่งบนท้องถนนยังถูกตั้งข้อสงสัยจากสังคมแบบนี้ ว่าคือการตรวจสภาพหรือการขายลายเซ็นกันแน่ เท่ากับว่าประเทศนี้พื้นที่นี้กำลังมีระเบิดวิ่งอยู่บนท้องถนนอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
ด้านนายชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เรื่องทำนองนี้เกิดขึ้นหลายครั้ง แต่กรณีนี้กระทบกระเทือนคนมากเป็นพิเศษ เพราะเราต้องสูญเสียทรัพยากรสำคัญที่สุดของชาติคือนักเรียนถึง 23 คน บาดเจ็บรวมทั้งหมด 50 คน แต่ที่มีการวิตกกังวลไปถึงผู้ปกครองว่าโรงเรียนของตนจะพาเด็กไปทัศนศึกษาหรือไม่ พ่อแม่บางคนอาจจะไม่ให้ไป หรือโรงเรียนอาจจะยกเลิก ตนย้ำว่าเราต้องไม่ยกเลิกการทัศนศึกษา เพราะเป็นเรื่องที่มีความสำคัญมากต่อเด็กไทย ให้เขารู้จักการวางตัวเองให้มีประสบการณ์ สิ่งเหล่านี้จะต้องมีต่อไป
“เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้เรา อย่าแก้ปัญหาด้วยวิธีหนีปัญหา หรือต่อไปไม่พาเด็กไปแล้ว เหมือนกับต้นไม้หนึ่งต้นโค่นหักทับรถ เราไม่จำเป็นต้องตัดต้นไม้ทั้งหมดทิ้ง ขอให้ผู้ปกครองและโรงเรียนทั้งหลายทำความเข้าใจอย่าหนีปัญหา เราต้องเผชิญปัญหา เพียงแต่เราใช้เหตุการณ์นี้เป็นวิธีการในการหาทางป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำขึ้นมาอีก หลายคนหวังว่าเหตุการณ์นี้จะเป็นครั้งสุดท้าย แต่เราเคยพูดเรื่องนี้มาก่อนเมื่อเกิดเหตุร้ายเราก็พูดว่าหวังว่าเป็นเหตุการณ์ครั้งสุดท้าย แต่ก็ไม่เป็นครั้งสุดท้าย หากเรายังคงมีวิธีการเหมือนเดิม ไม่ยกระดับขึ้นมา เหตุการณ์อาจจะรุนแรงกว่านี้ หรือน้อยกว่านี้ในอนาคตก็อาจจะเกิดขึ้นมาอีก” นายชวน กล่าวและว่า ตนขอให้กำลังใจกับครอบครัวของนักเรียน และญาติพี่น้องที่เสียชีวิตและบาดเจ็บ หวังว่ามีการดูแลผู้เสียชีวิตต่อไป และต้องดูแลผู้บาดเจ็บไปตลอด
ภายหลังการอภิปรายกว่า 6 ชม. เสร็จสิ้นลง จนกระทั่งเวลา 17.57 น. นายพิเชษฐ์ ประธานในที่ประชุม ได้แจ้งว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบส่งข้อสรุปให้รัฐบาลพิจารณาและดำเนินการ และส่งให้คณะกรรมาธิการ (กมธ.) สามัญ ประจำสภาผู้แทนราษฎร จำนวน 6 คณะ ได้แก่ 1. กมธ.การศึกษา 2.กมธ.คมนาคม 3.กมธ.การปกครอง 4.กมธ.กิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ผู้พิการ กลุ่มชาติพันธุ์ และผู้มีความหลากหลายทางเพศ 5.กมธ.การป้องกันและบรรเทาผลกระทบจากภัยธรรมชาติและสาธารณภัย 6.กมธ.การสาธารณสุข เพื่อหาแนวทางป้องกันแก้ไขต่อไป.