เมื่อวันที่ 2 ต.ค. ที่สโมสรทหารบก ถนนวิภาวดีรังสิต กรุงเทพมหานคร นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรองประธานกรรมการบริหารมูลนิธิ “สานใจไทย สู่ใจใต้” ร่วมเป็นเกียรติในพิธี “โครงการสานใจไทย สู่ใจใต้ รุ่นที่ 43” โดยได้รับเกียรติจาก พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ ประธานองคมนตรี ในฐานะนายกมูลนิธิ “สานใจไทย สู่ใจใต้” เป็นประธานในพิธีเปิด
ภายในงานมี นายอารีย์ วงศ์อารยะ ประธานกรรมการบริหารมูลนิธิ “สานใจไทย สู่ใจใต้” ร้อยตำรวจโท อาทิตย์ บุญญะโสภัต เลขาธิการมูลนิธิ “สานใจไทย สู่ใจใต้” นายสุธรรม บุญมาเลิศ จุฬาราชมนตรี ผู้บัญชาการกองทัพทุกเหล่าทัพ นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ร.ต.ท.ภพชนก ชลานุเคราะห์ รองอธิบดีกรมการปกครอง นายสุรพล เจริญภูมิ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ผู้ว่าราชการจังหวัด และนายอำเภอในพื้นที่โครงการฯ แขกผู้มีเกียรติ หน่วยงานภาคีเครือข่าย ครอบครัวอุปถัมภ์ ผู้เข้าร่วมโครงการ “สานใจไทย สู่ใจใต้” ร่วมพิธี
พล.อ.สุรยุทธ์ ได้กล่าวแสดงความยินดีกับผู้เข้าร่วมโครงการ “สานใจไทย สู่ใจใต้” รุ่นที่ 43 โดยเน้นย้ำว่า โครงการนี้เกิดขึ้นจากความร่วมมือของทุกภาคส่วน มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความสามัคคีให้เกิดขึ้นในสังคมไทย โดยเฉพาะเยาวชนในพื้นที่ภาคใต้ที่จะได้มีโอกาสช่วยกันทำประโยชน์เพื่อสังคม พร้อมทั้งได้กล่าวถึงคำขวัญของโครงการฯ “เกิดมาต้องทดแทนคุณแผ่นดิน” ซึ่งเป็นจุดมุ่งหมายสูงสุดของ ฯพณฯ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อดีตประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ที่จะทำให้คนไทยช่วยกันทำความดีเพื่อประเทศชาติ นอกจากนี้คำว่า “ความเป็นไทยและความเป็นธรรม” สะท้อนว่า ไม่ว่าจะเชื้อชาติใดหรือมีความเชื่อศาสนาใด เราทุกคนเป็นคนไทยด้วยกัน ต้องรักสามัคคีดูแลชาติบ้านเมือง ช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน แม้ว่าเราทุกคนมีความต่างกัน แต่หากทุกคนเข้าใจซึ่งกันและกันก็จะช่วยสร้างความเป็นธรรมให้เกิดขึ้นในสังคมไทย ดังที่เราเรียกว่า “สังคมไทยพหุวัฒนธรรม”
สำหรับโครงการ “สานใจไทย สู่ใจใต้” ดำเนินการมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2548 จากดำริของ ฯพณฯ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อดีตประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ โดยการสนับสนุนจากคณะกรรมการของมูลนิธิรัฐบุรุษ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ มูลนิธิรักเมืองไทย และมูลนิธิพิทักษ์อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี กองทัพทุกเหล่า และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน นำเยาวชนมุสลิมจากจังหวัดชายแดนภาคใต้ มาใช้ชีวิตร่วมกับครอบครัวอุปถัมภ์ที่นับถือศาสนาอิสลามในกรุงเทพมหานคร และจังหวัดใกล้เคียง เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้สภาพความเป็นอยู่ของครอบครัวอุปถัมภ์และชุมชนสังคมพหุวัฒนธรรม ทำให้เยาวชนได้รับประสบการณ์ตรง และมีความเข้าใจบริบทของสังคมประเทศไทยมากยิ่งขึ้น จนนำไปสู่ความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างครอบครัวอุปถัมภ์กับครอบครัวเยาวชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้
ทั้งนี้ โครงการ “สานใจไทย สู่ใจใต้” รุ่นที่ 43 มีกลุ่มเป้าหมายเป็นเยาวชน จำนวน 320 คน จาก 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่ จังหวัดยะลา ปัตตานี นราธิวาส สตูล และจังหวัดสงขลา (เฉพาะ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอนาทวี จะนะ เทพา และอำเภอสะบ้าย้อย) ซึ่งมีกำหนดเดินทางแลกเปลี่ยนเรียนรู้สังคมพหุวัฒนธรรมในพื้นที่ภาคกลาง ระหว่างวันที่ 24 ก.ย.-26 ต.ค.