เมื่อวันที่ 2 ต.ค. 67 ที่รัฐสภา นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ อดีตโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า กรณี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ให้ลูกพรรคที่ไม่ใช่ สส. ออกมาแถลงข่าวตอบโต้เรื่องที่จะคืนเงินเดือนและไม่รับเงินเดือน สส. นั้น น่าจะเป็นการแก้เกี้ยว แก้ตัว ออกมารับสารภาพว่ากระทำผิดจริง มีแต่น้ำไม่มีเนื้อ ไม่มีสาระ เหมือนขนมจีนมีแต่เส้นไม่มีน้ำยา และเห็นความไม่พร้อมของการทำงานในพรรคพลังประชารัฐ ที่เนื้อหาการแถลงข่าว หา สส. ของพรรคออกมาเป็นปากเป็นเสียงให้กับพรรคไม่ได้ แต่กลับให้คนที่อยู่นอกสภามาทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาล แทนที่จะเป็นหน้าที่ของ สส. จึงทำให้เห็นว่าวันนี้ พรรคพลังประชารัฐ ไม่เหลือ สส. ที่จะทำหน้าที่ปกป้อง พล.อ.ประวิตร อีกต่อไป

นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า ส่วนที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรค ออกมาแถลงข่าว ยอมรับที่จะแนะนำให้ พล.อ.ประวิตร เดินทางมาทำหน้าที่ในสภามากขึ้น เท่ากับนายไพบูลย์ ยอมรับว่าการประชุมสภาในทุกวันพุธและวันพฤหัส เป็นหน้าที่ของ สส. ซึ่งสภามีการประชุมกัน 97 ครั้ง พล.อ.ประวิตร ขาดประชุมโดยใช้การลาน่าจะเป็นฉากบังหน้า เกือบร้อยละ 90 ของวันที่มีการประชุมสภา โดยไม่สนกระแสสังคมที่ถามหาความรับผิดชอบ และไม่มีความรับผิดชอบด้วยการลาออก แต่เลือกใช้วิธีการไม่รับเงินเดือน และแจ้งความประสงค์ขอคืนเงินเดือนแทนที่จะมาทำหน้าที่ สส. ภายหลังถูกร้องเรื่องจริยธรรมต่อสภาและคณะกรรมการ ป.ป.ช. ไม่ได้ทำให้การกระทำซึ่งเป็นความผิดสำเร็จแล้ว กลายเป็นไม่มีความผิด น่าจะเป็นมุขทางกฎหมายตื้นๆ ที่นายไพบูลย์และทีมกฎหมายให้คำปรึกษาใช่หรือไม่ เหมือนแก้ตัวไปน้ำขุ่นๆ

“งานนี้ พล.อ.ประวิตร โดนฉมวกแน่ ถ้าเป็นผมให้คำแนะนำ พล.อ.ประวิตร จะบอกว่า “ค่าของคนอยู่ที่ผลของงาน” จะมีศักดิ์ศรีและสง่างามสมชายชาติทหาร มากกว่าการเอาเงินมาคืนภายหลังความผิดสำเร็จแล้ว ลาออกเถอะครับ เพราะยังเหลือแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีอีกหนึ่งตำแหน่ง แต่นายไพบูลย์ กลับสร้างธรรมเนียมที่น่าจะไร้จริยธรรมใหม่ โดยการเรียกร้องให้ สส. ที่ลาประชุมบ่อยๆ ทำตาม พล.อ.ประวิตร จึงไม่แปลกใจว่า ถึงคราวแล้วที่ พล.อ.ประวิตร จะมีปัญหาหรือจบเกม เพราะคนใกล้ตัวที่แนะนำในเรื่องที่สภาแห่งนี้ไม่เคยมีใคร มีความประพฤติเหมือน พล.อ.ประวิตร ถ้าคิดได้แค่นี้ ตนขอเสนอให้ปลดนายไพบูลย์ ออกจากตำแหน่ง เพราะดูจากการแถลงข่าวแล้ว สอบตกหลายเรื่อง” นายพร้อมพงศ์ กล่าว

นายพร้อมพงศ์ กล่าวต่อว่า เมื่อนายไพบูลย์ แจ้งให้ตนตรวจสอบ พล.อ.ประวิตร อย่างเต็มที่ ตนก็จะยื่นตรวจสอบเพิ่มเติมเร็ว ๆ นี้ ที่สำนักงาน ป.ป.ช. ในการกระทำผิดกฎหมายและระเบียบคณะกรรมการ ป.ป.ช. ต่างกรรมต่างวาระกัน โทษถึงจำคุกและปรับตัดสิทธิทางการเมือง ประพฤติผิดต่อจริยธรรม นอกเหนือจากที่ด้ยื่นไว้ก่อนหน้านี้แล้ว พฤติการณ์แห่งความผิดเป็นลักษณะน่าจะเป็น “นักบุญทุนชาวบ้าน ทัวร์อย่างหรู กินอยู่สบาย” อย่างไรก็ตาม ตนไม่หยุดตรวจสอบการทำหน้าที่ของ พล.อ.ประวิตร จนกว่าจะมีความรับผิดชอบทางการเมือง และในที่สุด พล.อ.ประวิตร ต้องรับผิดชอบตามกฎหมายอย่างแน่นอน.