เมื่อวันที่ 2 ต.ค. ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถึงเหตุการณ์รถบัสทัศนศึกษาของคณะครูและเด็กนักเรียนเกิดเหตุเพลิงไหม้ ว่า ทางตำรวจได้มีการตรวจและระบุตัวตนว่าใครบ้านไหน ครอบครัวไหน และตอนนี้เริ่มลำเลียงส่งน้องๆ กลับ จ.อุทัยธานี ส่วนด้านคมนาคมมีเรื่องการเยียวยา และการตรวจสอบกฎเกณฑ์ต่างๆ ว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป ซึ่งเรื่องนี้จะประสานกับทางตำรวจเช่นกัน และส่วนสาธารณสุขได้ส่งนักจิตแพทย์ลงไปในพื้นที่ โดยมีการสกรีนพูดคุยกลุ่มหนึ่ง และกระจายไปถึงน้องๆ อีกส่วนหนึ่งเรียบร้อย ได้เริ่มงานไปเยอะพอสมควร
เมื่อถามว่า วันนี้มีข้อเสนอการใช้รถโรงเรียนอยากให้ใช้รถบัสแบบสหรัฐอเมริกาที่ข้างหลังมีประตูเปิดด้วย นายกฯ กล่าวว่า ได้คุยกับกระทรวงคมนาคมในเรื่องนี้จะต้องมีการวางแพลนกัน ซึ่งจริงๆ แล้วทัศนศึกษาคือการเปิดโลกให้เด็กๆ ซึ่งเราไม่อยากจะแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ การทัศนศึกษาไม่ได้ทำร้ายเด็ก แต่รถที่ไม่ได้ถูกดูแลหรือถูกตรวจคือสิ่งที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน ซึ่งต้องมาแก้ปัญหาในส่วนคมนาคมจะวางกฎและกรอบอย่างไร เราใช้โอกาสนี้ที่จะสามารถวางระบบให้ชัดเจนขึ้นได้
น.ส.แพทองธาร กล่าวอีกว่า การตรวจเช็กสภาพรถก่อนออกเดินทาง ต้องเช็กให้ครบว่าทุกอย่างเป็นอย่างไร พร้อมสำหรับการเดินทางหรือไม่ และก่อนเดินทางทุกครั้งก็ควรตรวจเช็กสภาพทุกครั้ง โดยเฉพาะการเดินทางไกล
ด้าน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร.ในฐานะรักษาราชการแทน ผบ.ตร. กล่าวว่า ในเรื่องการสอบสวนขณะนี้มีความคืบหน้าไประยะหนึ่ง ซึ่งเมื่อคืนวันที่ 1 ต.ค.ได้ตัวผู้ต้องหามาแล้วและสอบปากคำไว้แล้ว ตอนนี้ยังอยู่ในความควบคุมที่สถานีตำรวจภูธรคูคต การตรวจพิสูจน์รถขณะนี้พิสูจน์หลักฐานกับกรมการขนส่งอยู่ระหว่างร่วมกันตรวจสภาพรถว่าเป็นอย่างไร ส่วนการพิสูจน์อัตลักษณ์และการเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอต้องเรียนว่าทั้งร่างผู้เสียชีวิตและดีเอ็นเอจากญาติเราเก็บได้ทั้งหมด 22 รายแล้ว สามารถพิสูจน์บุคคลได้ถึง 22 ราย และรายที่ 23 จริงๆ เรารู้แล้วว่าเป็นเด็กคนไหน แต่อยู่ระหว่างการเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอจากมารดา ซึ่งมารดาขอเดินทางมาที่สถาบันนิติเวชเอง และคิดว่าทั้งหมดจะเสร็จในช่วงของเย็นวันเดียวกันนี้
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า ส่วนเรื่องการส่งศพ นายกรัฐมนตรีให้ความห่วงใย เราได้มีการจัดรถมูลนิธิและรถนำรถปิดท้ายซึ่งจะปล่อยขบวนไม่เกินในชั่วโมงนี้ จะมีการรับศพออกจากทางสถาบันนิติเวชเดินทางสู่ จ.อุทัยธานี ซึ่งจะแบ่งขบวนเพื่อไม่ให้ขบวนยาวเกินไปพล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า สำหรับผลการสอบสวนและการตรวจพิสูจน์รถ สิ่งเหล่านี้ที่นายกรัฐมนตรีได้กรุณานั่งประชุมจะนำไปสู่การวางมาตรฐานกฎเกณฑ์ต่างๆ โดยเฉพาะจะเน้นไปที่เรื่องเด็ก เยาวชน ที่จะต้องไปทำทัศนศึกษาดูงานซึ่งมีความจำเป็นสำหรับเด็ก เราจะมีมาตรการทั้งส่วนกรมการขนส่ง ฝ่ายปกครอง ตำรวจ ที่จะช่วยกันดูสภาพรถ การตรวจพนักงานขับรถ บริษัทเอกชนที่ให้บริการรถสาธารณะ จะต้องทำอย่างไร ระหว่างทางจะต้องมีการหยุดตรวจสภาพคนขับและรถอย่างไร ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเคร่งครัดและวางกันในอนาคตต่อไป พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวด้วยว่า ส่วนเรื่องของการสอบสวนคนขับรถเดี๋ยวจะเข้าไปดูในรายละเอียดแต่เบื้องต้นยืนยันว่าดำเนินการทางกฎหมายอย่างเต็มที่ทั้งตัวบุคคลและบริษัทเจ้าของรถ
ขณะที่ นายสุริยะ แถลงว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าว ได้สั่งการให้ 1. กรมการขนส่งทางบก เรียกรถโดยสารสาธารณะประจำทางและไม่ประจำทางที่ใช้เชื้อเพลิง CNG ทั้งหมดเข้ารับการตรวจสภาพรถ จำนวน 13,426 คัน ภายใน 60 วัน 2. ให้ยกระดับมาตรฐานการประกอบการขนส่งรถโดยสารไม่ประจำทาง ให้เข้ารับการตรวจสภาพเพื่อดูเรื่องการให้บริการ ซึ่งถือเป็นการสังคายนารถโดยสารสาธารณะทั้งหมดเพื่อให้เกิดความปลอดภัย 3. ให้กรมการขนส่งทางบก บูรณาการร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการและสถานศึกษาธิการ และสถานศึกษาทั่วประเทศในกรณีที่จะนำรถเช่าเหมา หรือรถโดยสารไม่ประจำทางไปใช้บริการ ให้ประสานงานกับสำนักงานขนส่งจังหวัดเพื่อตรวจสอบความปลอดภัยก่อนออกเดินทางทุกครั้ง 4. พนักงานขับรถและผู้ประจำรถ ต้องได้รับการอบรม และทดสอบ การเผชิญเหตุการช่วยเหลือผู้โดยสารตามหลักสูตรการเผชิญเหตุและการช่วยเหลือผู้โดยสาร (Crisis Management) ทุกคนต้องได้รับการฝึกอบรม และ 5. จะออกกฎหมาย ระเบียบ เพื่อให้ผู้ประกอบการต้องมีการแนะนำข้อมูล และแนวทางเผชิญเหตุฉุกเฉินในการใช้บริการเช่นเดียวกับสายการบิน โดยเมื่อผู้โดยสารขึ้นรถพนักงานต้องให้การแนะนำการใช้อุปกรณ์ฉุกเฉินกรณีมีเหตุ และเส้นทางการหนีภัย เพื่อให้ผู้โดยสารเตรียมพร้อมหากมีเหตุฉุกเฉิน
นายสุริยะ กล่าวว่า จากนี้กระทรวงจะเข้าไปดูการออกแบบรถโดยสาร ว่าจำนวนที่นั่งเหมาะสมหรือไม่ มีทางออกควรเพิ่มเติมอย่างไร รวมถึงกรณีต้องเดินทางไกลควรต้องมีคนขับรถสองคนเป็นมาตรการที่กระทรวงจะทำตั้งแต่วันนี้ เมื่อถามว่าสำหรับอายุรถยนต์ต้องกวดขันหรือไม่ เพราะคันที่เกิดเหตุพบว่ามีอายุกว่า 54 ปี นายสุริยะ กล่าวว่า “ผมถือว่าเป็นโอกาสที่เราจะต้องใช้ เพราะในอดีตเวลาที่กระทรวงจะออกมาตรการบังคับ พวกผู้ประกอบการทั้งหลายก็จะไม่ยินยอมและมาขอร้อง มาประท้วง แต่จากนี้ไปเราคงยอมไม่ได้ ผมจะใช้โอกาสนี้ออกมาตรการอย่างเด็ดขาดจะให้เป็นเช่นเดิมต่อไปไม่ได้แล้ว และผมมองรวมไปถึงรถโดยสารสาธารณะ รถตู้ทั้งหลาย ถ้าอายุเกินเราจะไม่ต่อให้เด็ดขาด ไม่ว่าจะมาประท้วงหรือมาขอร้อง จะถือโอกาสครั้งนี้ไม่ยอมกันอีกแล้ว”
เมื่อถามว่าจากแนวคิดจะให้มีการยกเลิกการใช้ก๊าซ ngv แต่มีเรื่องราคาพลังงานจะแก้ปัญหานี้อย่างไร นายสุริยะ กล่าวว่า ไม่ได้หมายความว่าจะยกเลิกการใช้ก๊าซ ngv แต่ขอให้มีการตรวจสอบความปลอดภัยใหม่ทั้งหมด เพื่อจะได้ดูว่าตรงไหนเป็นจุดอ่อนที่ทำให้เกิดประกายไฟและระเบิดได้ง่าย เชื่อบริเวณข้อต่อที่เชื่อมกับถังก๊าซ ซึ่งขณะนี้กรมการขนส่งทางบกเข้าไปตรวจสอบรถที่เกิดเหตุและรถที่ร่วมขบวนอยู่เพื่อจะได้นำมาออกแบบบังคับและประกาศเป็นกฎกระทรวงใช้ต่อไป
เมื่อถามถึงการอนุมัติงบประมาณในการเยียวยา นายสุริยะ กล่าวว่า ขณะนี้ทางบริษัทประกันภัยที่ทางกระทรวงมีกฎหมายบังคับให้ทำประกันทุกครั้งนั้น ผู้เสียชีวิตจะได้รับเงิน 1 ล้านบาท ส่วนที่เพิ่มเติม วันนี้ได้ประชุมกองทุนช่วยเหลือสาธารณภัย สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี จะให้เพิ่มอีกรายละ 1 ล้านบาท รวมเป็นสองล้าน และมีจากกระทรวงยุติธรรม รวมแล้วผู้เสียชีวิตแต่ละรายจะได้รับเงิน 2.4 ล้านบาท อีกทั้งได้ประสานกระทรวงศึกษาธิการให้ตรวจสอบรายละเอียดเพื่อจะได้เร่งส่งมอบเงินเยียวยาซึ่งคาดว่าจะได้ภายในสัปดาห์หน้า สำหรับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจะได้รับเงินเยียวยาคนละ 7 แสนบาท บาดเจ็บเล็กน้อยได้คนละ 2 แสนบาท
ด้าน นายสมศักดิ์ กล่าวถึงผู้ที่ได้รับบาดเจ็บว่า ขณะนี้อยู่ในห้องไอซียูที่สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติ 1 คน ผิวหนังไหม้พุพอง 11% และโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ 2 คน มีอาการหนัก ผิวหนังไหม้พุพอง 13% 1 คน และอีก 1 คน ผิวหนังไหม้พุพอง 20 -30% ซึ่งทั้ง 3 คน ถือเป็นผู้ป่วยอาการหนัก โดยกระทรวงสาธารณสุขได้รับการประสานงานจากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์กระทรวงยุติธรรม ว่าสาธารณรัฐประชาชนจีนจะส่งบัวหิมะมาช่วย ซึ่งเป็นบัวหิมะที่มีการขึ้นทะเบียนภายในประเทศไทยแล้ว หากเก็บไว้นานบัวหิมะจะเสื่อมสภาพ ทางการจีนจะจัดส่งมาให้ใหม่ โดยจะมาถึงไทยวันนี้ เวลา 15.00 น. โดยตนจะไปรับด้วยตัวเอง ทั้งนี้ บัวหิมะ มีคุณสมบัติทำให้แผลพุพองน้อยลง
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ส่วนการดูแลประชาชนที่เกี่ยวข้อง จะแบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม กลุ่มแรกเป็นกลุ่มผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและญาติผู้เสียชีวิต กลุ่มที่สองเป็นกลุ่มญาติของผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ กลุ่มที่สามเป็นกลุ่มของนักเรียนและบุคคลที่เกี่ยวข้องในโรงเรียน และกลุ่มที่สี่คือประชาชนที่ได้รับผลกระทบ โดยจะมีนักจิตวิทยาและจิตแพทย์ ประกอบด้วย นักวิชาการของกระทรวงสาธารณสุข และนักสังคมสงเคราะห์ ได้มีการพูดคุยกันเมื่อวานนี้ (1 ต.ค.) ทั้งหมด 71 คน มาจากโรงพยาบาลตำรวจ 49 คน และจังหวัดอุทัยธานี 22 คน โดยจะแบ่งหน้าที่กันลงพื้นที่ไปพูดคุยกับประชาชนทั้ง 4 กลุ่ม และจะเดินทางพร้อมกับการเดินทางนำร่างผู้เสียชีวิตกลับภูมิลำเนา ซึ่งการทำงานของกระทรวงสาธารณสุขก็จะทำงานกันอย่างต่อเนื่อง เพราะมีผลกระทบจากบุคคลที่เกี่ยวข้องจำนวนมาก เราต้องให้คำแนะนำปรึกษาโดยเฉพาะทีม MCATT เป็นทีมที่เยียวยาจิตใจ โดยนายกรัฐมนตรีได้ทำการสั่งการก่อนจะเกิดเหตุการณ์นี้ด้วยซ้ำ เพราะจะให้ลงพื้นที่ไปเยียวยาผู้ประสบอุทกภัย แต่เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นก่อน
เมื่อถามว่าผู้ป่วยเกณฑ์สีแดงในไอซียูมีอาการอย่างไรนั้น นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ผู้ป่วยที่รักษาตัวที่ศูนย์สุขภาพเด็กแห่งชาติ พูดคุยได้แล้ว สื่อสารได้ แต่มีความเครียดอยู่ อยู่ในเกณฑ์ปลอดภัย แต่ยังมีอาการผิวหนังพุพอง ส่วนคนที่รักษาตัวที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ อาการยังคงหนักเพราะผิวหนังพุพองเปอร์เซ็นต์สูง และอีกหนึ่งคนมีปัญหาที่ดวงตา ยังมองได้เบลอ ๆ ไม่ชัด เพราะได้รับผลกระทบจากควัน สารพิษ และการเผาไหม้ ยังไม่สามารถประเมินอะไรได้