เมื่อวันที่ 2 ต.ค. ที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คมนาคม ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุการณ์ไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษาของคณะครูและนักเรียนโรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม จ.อุทัยธานี เมื่อวันที่ 1 ต.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและผู้เสียชีวิตจำนวนมาก ว่า เหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความสะเทือนใจอย่างมาก โดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ห่วงใยและเศร้าสลดต่อเหตุการณ์ดังกล่าว ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะไปกำชับการทำงาน เช่นเดียวกับกระทรวงคมนาคม จะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบสาเหตุว่าเกิดจากอะไร เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุขึ้นอีกในอนาคตได้อย่างไร ใช้เวลา 2 สัปดาห์ในการตรวจสอบ โดยมีตัวแทนจาก กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย และจะเชิญสภาวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เป็นกรรมการร่วมตรวจสอบสาเหตุและโครงสร้างรถ การปรับปรุงสำหรับรองรับผู้โดยสารและตัวถังประกอบ
นายสุริยะ กล่าวว่า นอกจากนั้นจะให้มีการสาธิตแนะนำการใช้อุปกรณ์และประตูทางออกในกรณีฉุกเฉิน คล้ายกับการขึ้นเครื่องบิน และจะมีมาตรการบังคับให้ผู้ประกอบการรถโดยสารอธิบายให้ผู้โดยสารรับทราบ และจะมีอุปกรณ์ช่วยเหลืออย่างไร เพื่อลดความรุนแรงเมื่อเกิดอุบัติเหตุในอนาคต รวมถึงเรื่องของการติดตั้งก๊าซกับรถโดยสารสาธารณะให้เข้มข้นด้วยหรือไม่ นายสุริยะ กล่าวว่า ตรวจสอบทั้งหมดทุกเรื่อง
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีมาตรการควบคุมการใช้รถบัส 2 ชั้น และรถขนาดสูงซึ่งมีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุหลายครั้งอย่างไร นายสุริยะ กล่าวว่า เหตุไฟไหม้ครั้งนี้เป็นรถบัสชั้นเดียว ที่จะต้องไปหามาตรการให้เกิดความปลอดภัยกับผู้โดยสาร ส่วนรถ 2 ชั้น มีมาตรการกำกับดูแลอยู่แล้ว เช่น กำหนดให้วิ่งในเขตเมือง โดยจำกัดไม่ให้วิ่งระหว่างเมือง โดยมาตรการที่จะออกมาบังคับใช้จะทั้งในระยะเร่งด่วนและในระยะยาว
ผู้สื่อข่าวถามว่าต้องตรวจสอบอายุของรถทั่วประเทศ เนื่องจากมีรายงานว่ารถคันเกิดเหตุใช้งานมากกว่า 50 ปี และมีการดัดแปลงตัวถังและเครื่องยนต์ นายสุริยะ กล่าวว่า นี่เป็นสาเหตุหนึ่งที่ต้องตั้งกรรมการตรวจสอบ ทุกประเด็นทั้งสภาพรถ การบรรทุกผู้โดยสาร นอกจากนี้จะครอบคลุมถึงรถประเภทอื่นทั้งหมดรวมถึงรถตู้โดยสารด้วย
เมื่อถามว่า มีข้อสังเกตว่ารถคันดังกล่าวได้ดัดแปลงติดตั้งก๊าซ อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้บริษัทประกันภัย ใช้เป็นข้ออ้างไม่จ่ายค่าสินไหมทดแทน นายสุริยะ กล่าวว่า กรมการขนส่งทางบกรายงานว่าบริษัทประกันภัย ตามกฎหมายกำหนดให้ต้องจ่ายเงิน ในเบื้องต้นจะจ่ายให้ผู้เสียชีวิตทั้ง 23 ราย ขั้นต่ำรายละ 1 ล้านบาท และเชื่อว่าบริษัทประกันภัยจะไม่อ้างสาเหตุมาเพื่อไม่จ่ายเงิน เพราะเหตุการณ์นี้สะเทือนขวัญประชาชน