นายฐาปน สิริวัฒนภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด หรือกลุ่มบริษัทไทยเบฟ เปิดเผยว่า แผนงานในปีงบประมาณ 68 (1 ต.ค. 67-30 ก.ย. 68) จะใช้เงินลงทุนทั้งหมด 18,000 ล้านบาท เพิ่มจาก 7,000 ล้านบาท ในปีงบประมาณ 66 โดยแบ่งเป็น ลงทุนในฟาร์มโคนมประเทศมาเลเซียด้วยเงิน 8,000 ล้านบาท, ลงทุนธุรกิจชาเขียวและนมข้นหวานในกัมพูชา1,500 ล้านบาท, ธุรกิจอาหาร 1,300 ล้านบาท และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อีกประมาณ 7,200 ล้านบาท เพื่อช่วยสร้างความแข็งแกร่งและต่อยอดการเติบโตของธุรกิจในเครืออย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ ยังได้ประกาศแผนงานระยะยาวจากนี้ถึงปี 73 โดยให้ความสำคัญกับ 2 เรื่องหลัก คือ เข้าถึงด้านการบริการลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ และการใช้ดิจิทัลเพื่อการเติบโต โดยจะเชื่อมต่อผู้ขาย พันธมิตร และผู้บริโภคเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์มากขึ้นจากปัจจุบันที่มี 8-9 แสนจุดขาย เพิ่มจาก 4 แสนจุดขายในช่วง 6-7 ปีก่อน ซึ่งจะทำให้เกิดการเชื่อมต่อที่มีประสิทธิภาพ และสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันเพิ่มขึ้นด้วย

ขณะที่ผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกในปีงบประมาณ 67 ที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้รวมจากการขาย 217,055 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.5% และมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ยจ่าย ภาษีเงินได้ 38,595 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.2% โดยมาจากในประเทศ 65% และต่างประเทศ 35% แบ่งเป็น ธุรกิจสุรา รายได้ 92,788 ล้านบาท ลดลง 0.9% จากเศรษฐกิจและกำลังซื้อที่ชะลอตัวลง ด้านธุรกิจเบียร์มีรายได้ 93,793 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.6% จากการทำกิจกรรมการตลาดที่มีประสิทธิภาพ ประกอบกับต้นทุนวัตถุดิบและบรรจุภัณฑ์ลดลง

“ธุรกิจเบียร์ในประเทศไทยมีปริมาณการขายที่เติบโตขึ้นอย่างน่าพอใจ ในช่วงกลางปี 67 จากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวและสภาพอากาศที่ร้อนขึ้นส่งผลให้มีการบริโภคเพิ่มขึ้น ส่วนในเวียดนามยังคงเผชิญกับความท้าทายจากการบริโภคที่ลดลงจากภาวะเศรษฐกิจและการบังคับใช้กฤษฎีกาฉบับที่ 100 อย่างเข้มงวด มีบทลงโทษรุนแรงสำหรับผู้ที่เมาแล้วขับ ขณะที่การเสริมความแข็งแกรงในเมียนมา ด้วยการรวมธุรกิจเอฟแอนด์บีเข้ามาเป็นบริษัทย่อย รวมถึงการขยายตลาดในกัมพูชา ถือเป็นโอกาสดีที่จะช่วยสร้างการเติบโตให้แก่ธุรกิจเบียร์ เพราะกัมพูชาเป็นตลาดที่ใหญ่เป็นอันดับ 4 ของอาเซียน เมื่อวัดจากปริมาณการขาย”

สำหรับธุรกิจเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ มีรายได้ 15,553 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.9% ตามปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้น 5.3% จากการจัดกิจกรรมการตลาดและกระจายสินค้าให้กว้างขึ้น โดยเน้นทำตลาดในไทย มาเลเซีย เวียดนาม เมียนมา และตลาดรอง ได้แก่ สิงคโปร์ อินโดนีเซีย กัมพูชา ลาว และทิศทางจากนี้เน้นสร้างแบรนด์ใหม่กลุ่มเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพเพิ่มขึ้น 

ด้านธุรกิจอาหารนั้น มีรายได้ 15,022 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.1% และในปีงบประมาณ 68 นี้ วางแผนใช้เงินเปิดร้านอาหารเพิ่ม 600 ล้านบาท เน้นแบรนด์เคเอฟซี 45 สาขา ที่เหลือเป็นแบรนด์อื่นๆ ในเครือ และปรับปรุงแบรนด์เก่าอย่างโออิชิ ด้วยเงินลงทุน 200 ล้านบาท รวมทั้งนำร้านอาหารในเครือเข้าไปเปิดในโครงการวันแบงค็อกทั้งหมด 16 ร้านค้า เบื้องต้นใช้เงินลงทุน 400 ล้านบาท