เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 1 ต.ค. ที่ ศูนย์ประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริและความมั่นคง ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รรท.ผบ.ตร. แถลงถึงความคืบหน้าในการติดตามตรวจสอบเหตุโศกนาฏกรรมรถบัสทัศนศึกษานักเรียนโรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม จ.อุทัยธานี โดยบางช่วงบางตอนว่า ขณะนี้ยังไม่ขอยืนยันจำนวนผู้เสียชีวิต แล้วก็ยังอยู่ระหว่างต้องถอดเบาะที่นั่งออกเพราะพบว่ายังมีร่างผู้เสียชีวิตติดอยู่ข้างใน ส่วนเรื่องการตรวจสอบอัตลักษณ์ร่างผู้เสียชีวิต ตนได้ทราบว่าเราไม่สามารถที่จะพิสูจน์ในที่เกิดเหตุได้ จึงจะนำร่างผู้เสียชีวิตทั้งหมดส่งไปตรวจพิสูจน์ที่สถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ โดยได้สั่งการถึง ผบช.สพฐ. ให้ดำเนินการให้เร็วที่สุด

ตำรวจประกาศตามหาตัวคนขับรถบัส ตั้งแต่หลังเกิดเหตุไฟไหม้ยังหาไม่พบ!

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวต่อว่า จากการสอบถามคุณครูพบว่าเหตุเกิดเร็วมาก ประกายไฟที่ทำให้เกิดเพลิงไหม้ขึ้นมาเกิดได้อย่างรวดเร็ว เขาบอกว่าขนาดหยิบโทรศัพท์ขึ้นมายังไม่ทัน ประตูมีทั้งเด็กและครูลงมาได้ นั่นหมายความว่าประตูเปิดได้ แต่ก็มีเด็กที่กระโดดออกทางหน้าต่างด้วย และส่วนที่เหลือคิดว่าอยู่ในอาการตกใจ ทำให้ออกมาไม่ทัน ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าเป็นเด็กคนไหนบ้าง

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวสรุปว่า มีจำนวนบุคคลบนรถบัสคันเกิดเหตุรวม 45 ราย เป็นครู 6 ราย พบเจอแล้ว 3 ราย ส่วนอีก 3 รายยังไม่พบ ขณะที่เด็กนักเรียนมี 39 ราย มีทั้งเด็กอนุบาล ประถมและมัธยมศึกษา รอดชีวิต 16 ราย กำลังขึ้นรถบัสกลับบ้านที่ จ.อุทัยธานี ส่วน 3 ราย อยู่ที่ รพ.แพทย์รังสิต และยังหาไม่พบ 20 ราย ส่วนเรื่องความปลอดภัยในรถบัส มีการใช้ถังดับเพลิงหรือไม่นั้น อยู่ระหว่างตรวจสอบ เพราะสภาพรถที่เจอตอนเกิดเหตุแล้ว ซึ่งจะต้องตรวจสอบอีกทีว่าสภาพมีความพร้อมในการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นหรือไม่ เพื่อจะได้ดูว่าอยู่ในขั้นตอนของความประมาทหรือไม่

เมื่อถามว่ามีการพูดกล่าวว่าคนขับเป็นภารโรงนั้น ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า ในเรื่องนี้เราจะรับไว้ตรวจสอบ โดยได้พูดคุยกับ รอง ผบช.ภ.1 และ ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี แล้วว่าเรื่องข้อมูลบุคคลจะต้องตรวจสอบให้ชัดเจนว่าเป็นพนักงานที่บริษัทรถส่งมาหรือไม่ ขอไปตรวจสอบสอบสวนให้ชัดเจนก่อน แต่เป็นรถของบริษัทเอกชน ยืนยันว่าไม่มีอะไรปิดบัง เพราะตนเป็นคนย้ำ ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี ว่า การดำเนินคดีจะต้องสอบสวนให้ปรากฏข้อเท็จจริง ว่าเกิดจากความประมาทของคนขับและบริษัทเจ้าของรถหรือไม่ หากไม่มีอุปกรณ์ในการป้องกันแสดงว่าไม่มีความพร้อมในการแก้ปัญหาเมื่อเกิดเหตุเบื้องต้น ซึ่งเข้าข้อกฎหมายเรื่องการประมาทหรือไม่ ตรงนี้ตนได้ย้ำว่าทั้งบุคคลและบริษัทจะต้องถูกดำเนินคดีด้วย

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวด้วยว่า ภูมิลำเนาของคนขับรถบัสคันเกิดเหตุเป็นคนจังหวัดสิงห์บุรี ส่วนเรื่องการติดตามคิดว่าไม่ยาก โดยจะพยายามติดตามให้เจอตัวอย่างเร็วที่สุด ส่วนเรื่องการไล่ภาพจากกล้องวงจรปิดเพื่อจะติดตามตัวคนขับรถบัสนั้น เรามีวิธีในการสืบสวน เพราะทาง รอง ผบช.ภ.1 ได้รับข้อมูลมาบางส่วน และยืนยันว่าจะไม่มีการนำไปช่วยเหลือใดๆ ทั้งสิ้นจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขอย้ำว่า ในการสอบสวนเบื้องต้น รถบัสคันที่เกิดเหตุมีปัญหาเกิดขึ้นที่ยางรถก่อนและไม่สามารถควบคุมรถได้ ก่อนส่ายไปโดนรถคันอื่น ไม่ได้มีรถคันอื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง อย่างไรคงต้องรอดูข้อมูลที่ชัดเจนอีกครั้ง ส่วนเรื่องความเร็วของรถบัสคันเกิดเหตุก่อนมาถึงที่จุดเกิดเหตุเป็นอย่างไรนั้น จะต้องนำไปตรวจสอบด้วยเช่นเดียวกัน และกองพิสูจน์หลักฐานจะดูทุกประเด็น

“คนขับรถบัสคันเกิดเหตุยังคงหลบหนี แต่เราคงไม่นั่งรอให้มีการเข้ามามอบตัว ซึ่งจะมีการส่งทีมสืบสวนออกติดตาม หากได้ตัวมาเร็วก็จะให้ทางตำรวจภูธรภาค 1 ได้แจ้งให้ทางสื่อมวลชนรับทราบทันที เหตุการณ์เช่นนี้ทำให้เกิดความเศร้าสลดเสียใจเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้น เรื่องการที่จะไปบิดเบือนข้อเท็จจริงหรือช่วยเหลือใครจะไม่เกิดขึ้นอย่างเด็ดขาด ท่านนายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำให้ดูแลสุขภาพจิตใจของเด็กทั้งบนรถบัสคันที่หนึ่ง คันที่สองและคันที่สามที่ปลอดภัยด้วย และเมื่อสักครู่นี้ทางเราได้ประสานกับคุณครูเพื่อตรวจสอบยอดจำนวนนักเรียนและได้จัดรถทางหลวงนำปิดท้ายหัวขบวนเพื่อจะได้นำเด็ก ๆ กลับสู่จังหวัดอุทัยธานีให้เรียบร้อยภายในหัวค่ำวันนี้ และเราก็ได้จัดเครื่องดื่มและอาหารว่างไปด้วยเพื่อให้เด็กได้รับประทานในระหว่างเดินทางกลับ” รรท.ผบ.ตร. ระบุปิดท้าย.