เรียกว่าจำแทบไม่ได้สำหรับพระเอกและนักร้องสุดดังยุค 90 “โก้ ธีรศักดิ์” ที่กลับมาหล่อลุคโอปป้าหลังฟิตหุ่นเหมือนตอนวัยรุ่น พร้อมเปิดหมดเปลือกในรายการ WOODY INTERVIEW เล่าถึงอดีตที่มีปมฝังใจตั้งแต่เด็ก ต้องเป็นผู้ชายหล่อเพราะอยากให้สังคมยอมรับเมื่อเข้าวงการ เผยเคยคบกับคนดังถึงระดับซุปเปอร์สตาร์และรักมากที่สุด

โก้ ธีรศักดิ์ เผยวาา “เรื่องคนทักคือบางคนก็มีปมด้วย ถ้าใครมาทักอะไรแรงๆ บางทีมันจะเก็บไปคิดไงว่าทำไมทำร้ายจิตใจกัน โก้เคยเจอบางคนเข้ามาทักเป็นดาราด้วยนะดังมาก ซุปเปอร์สตาร์ยุค 90 เดินเข้ามาปุ๊บ กินควายเข้าไปเหรอ เขาไม่คิดหรอกนะคำว่าควายตัวนั้นมันยังจำจนถึงทุกวันนี้เลย คือตัวเรามันอ้วนขึ้นคนเขาก็มาทักกัน มันดูขำแต่บางทีคนที่ถูกทักมันไม่ขำ แล้วเราก็ชินด้วยเพราะมีความรู้สึกว่ามันคงกลับมาไม่ได้แล้วก็ปล่อยอ้วนแล้วก็จบไปแบบนั้น เรื่องความรักสมัยก่อน ถ้าจะให้ย้อนเลยนะ ในอดีตต้องบอกว่าตัวเองก็รู้ตัวเองอยู่แล้วว่าเรามีความเบี่ยงเบน ซึ่งสมัยตอนเรียนหนังสือโรงเรียน อธิการ ครู ไม่ยอมรับ ป.6 โก้ก็โดนเชิญออกจากโรงเรียน เพราะว่ามีความผิดปกติเบี่ยงเบนทางเพศ ทุกคนโดนหมดใครที่เป็นแบบนี้เพราะเป็นโรงเรียนคริสต์ด้วย แล้วเขามองว่าเราป่วย หลังจากนั้นเราก็มามัธยมก็ได้โอกาสมากขึ้น แต่ในเรื่องของการทำกิจกรรมอะไรก็แล้วแต่เขาก็ไม่ให้เราทำ เพราะว่าเราไม่ใช่ชายจริงหญิงแท้ ถูกปิดกั้นมาตั้งแต่เด็กเลย ครูก็ไปฟ้องพ่อแม่ว่าเราเป็นแบบนี้สุดท้ายเราก็โดนตี ขาลายไปหมดเลยอันนี้ไม่เคยไปพูดที่ไหนนะ เพราะที่บ้านเราค่อนข้างเข้มงวด เราเป็นครอบครัวคนจีนด้วย ก็รู้สึกว่าเป็นคนมีปมตั้งแต่เด็กแล้ว คิดอย่างเดียวว่าเดี๋ยวเราทำงานส่งเสียตัวเองดีกว่า แต่อยู่บ้านไม่ไหวแล้ว เราขี้เกียจกินข้าวกับน้ำตา หลังจากที่เราไปประกวดก็ผ่านทุกรอบจนได้ที่หนึ่ง พอได้ที่ 1 มันเหมือนกับว่าพรุ่งนี้คุณต้องเป็นผู้ชายแล้ว กรรมการ ทุกคนเขาเห็นเราแล้วว่าเราคือผู้ชายหล่อคนหนึ่ง เราจะมาทำตัวแบบนั้นไม่ได้ ประกอบกับเราคิดว่ามันน่าจะเป็นเหมือนอาการหวัดที่กินยา 2 เม็ดก็น่าจะหาย”

“ผ่านมา 16 -17 ปี โอเคเรารู้ว่าเราชอบแบบไหน แต่ตอนที่เราได้รับการยอมรับจากสังคมคือเราขึ้นเวทีแล้วคนชอบที่เราเสียงดี หล่อ เดี๋ยวพรุ่งนี้จะต้องขึ้นปก ไปถ่ายเดอะบอย ไปเข้าค่ายคีตา เขาพร้อมเซ็นสัญญาให้เป็นนักร้อง คือเหมือนกับทุกคนอ้าแขนมาเลย แต่ต้อนรับในสภาพที่เราเป็นหนุ่มหล่อ สุดท้ายแล้วเราก็ได้เข้ามาในแบบที่สังคมต้องการ ดังนั้นก็ไม่แปลกที่เราจะต้องมาเล่นเป็นพระเอก มาเป็นศิลปินเดี่ยว ก็ต้องให้สาวๆ หรือคนที่เห็นรักเรา ป้อนงานให้เรา ก็จะได้เงิน ในจุดๆ นั้นเราก็ไม่ได้มาจากครอบครัวที่ร่ำรวย พอมีเงินก็เลยคิดว่าชีวิตคนเรามีครั้งเดียว 1 ชีวิตเกิดมาแล้วก็ตาย เราจะเกิดมาที่เป็นคนอื่นที่คนเขารักแล้วก็ตายไปพร้อมกับตรงนั้น หรือวันนี้เวลาที่เหลืออยู่เลือกสิ่งที่เราชอบ เลือกสิ่งที่เราอยากเป็น และทำให้สังคมรู้ว่าเราไม่ได้ทำให้เขาเดือดร้อน ก็เลยตัดสินใจแล้วก็เปิดตัวเองมากขึ้น เปลี่ยนไปทีละนิดๆ จนคนชิน เรื่องความรักในวันนั้นก็ต้องมีบ้าง มีคนเข้ามา เข้าหาเราเยอะมาก จนทุกวันนี้หลายๆ คนก็เป็นพี่สาวน้องสาวกันไปแล้ว ผู้หญิงเข้ามาก็เยอะนะ เคยเปิดใจลองคบด้วย เพราะคิดว่าเราหาย ฝึกครับๆ อย่างงี้ไปเป็นเวลา 2-3 ปี คิดว่าหายแล้ว แล้วเราพูดกับเพื่อนสนิทว่าไม่เข้าใจว่าความรักระหว่างชายหญิงมันเป็นยังไง เพราะเราต้องเล่นละครรักกับผู้หญิง ต้องทำยังไงสื่อสารยังไง ไม่เข้าใจ ไม่รู้สึก หลังจากนั้นเพื่อนก็บอกว่ามาเดี๋ยวสอนให้ลงลึกที่สุด หลังจากนั้นเราก็เลยรู้ว่า อ๋อ! เราหายแล้ว เราเป็นผู้ชาย ถ้าเกิดเราเป็นเกย์ เป็นตุ๊ด เราไม่สามารถฝึกวิชาขั้นสูงสุดได้ แสดงว่าเราไม่ใช่ ก็บอกตัวเองว่าไม่ใช่ไม่เป็น ช่วงที่คบกับผู้หญิงหรือว่าเคยจีบคนในวงการอันนั้นคือเรื่องจริง แต่ในขณะเดียวกันช่วงนั้นก็มีผู้ชายที่เขาชอบเราด้วย จีบกับเราด้วย”

ถามว่าคบใครตอนนั้น ไม่มีข่าวเลยใช่ไหม กินเงียบไง (หัวเราะ)เป็นคนในวงการ เราก็ไม่ได้เปิดตัวกับคนมาก เพราะอายุก็น้อยๆ ด้วย คือมองตาแล้วรู้ใจ ว่าได้นะ เขาก็คงชอบเราด้วย ส่วนใหญ่ก็จะเน้นนัดจุดพิกัดว่ามารับตรงนี้แล้วก็ขึ้นรถ เพราะทุกอย่างมันจะอยู่บนรถ ไม่ได้ไปเดินห้างหรืออะไร ถ้าเป็นคำนิยาม พูดไปแล้วเราจะไม่มาบอกตัวอักษรย่อ ลำดับของการเป็นดารามันเริ่มจากการเป็นศิลปินก่อน เวลาศิลปินมีชื่อเสียง เราก็จะเรียกเขาว่าดารา แล้วเวลาดาราที่มีชื่อเสียงมากๆ เราจะเรียกว่าดารายอดนิยม แล้วสุดยอดของดารายอดนิยมก็คือซุปเปอร์สตาร์ เราได้คนนี้ซุปเปอร์สตาร์ แค่นี้จบแล้วทุกวันนี้ก็ยังเป็นซุปเปอร์สตาร์ แม้ว่าเขาจะมีคนที่คบอยู่ในปัจจุบัน คือมันก็จะเป็นความลับระหว่างเรา แล้วมันก็เป็นความรู้สึกดีๆ เพราะช่วงที่คบกันมันคือที่สุด ที่เรามีความรู้สึกว่านี่เราฝันหรือเรื่องจริง รักที่สุด เสียใจร้องไห้ที่สุดก็คนนี้ เวลาปล่อยมือก็รู้สึกเสียใจที่ต้องปล่อยมือจากกัน แต่มันก็จำเป็น ช่วงเวลาดีๆของชีวิต แล้วคนที่จะมาเป็นคนต่อไปมันเปรียบเทียบยาก เหมือนกับเราเคยมิชลินอ่ะ ครั้งต่อไปก็อยากมิชลินต่อ (หัวเราะ)”