ผ่านพ้นไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับแฟชั่นโชว์ของแบรนด์ “Maison Valentino” อย่าง Valentino Pavillon des Folies คอลเลกชั่น Spring/Summer 2025 ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งเป็นรันเวย์โชว์แรกของ “Alessandro Michele” ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ของ Maison Valentino หลังจากที่เขาเข้าดำรงตำแหน่งต่อจาก “Pier Paolo Piccioli”

โดย Alessandro ได้เผยถึงแรงบันดาลของคอลเลคชั่นไว้ว่า “เราทุกคนล้วนเป็นสิ่งมีชีวิตที่บอบบาง ต้องเผชิญกับข้อจำกัดและความไม่แน่นอนอยู่เสมอ ราวกับเดินอยู่บนกระจกที่อาจแตกได้ทุกเมื่อ ทุกย่างก้าวมีโอกาสสะดุดล้ม และทุกลมหายใจเต็มไปด้วยความอ่อนแอ เราใช้ชีวิตท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ความไม่แน่นอนนี้เอง ที่ทำให้เราเข้าใจคุณค่าของเวลา การเดินทางของเราบนโลกนี้จะมีความหมายอะไร ถ้ามันไม่ได้ถูกกำหนดโดยเวลา แต่กลับยึดเยื้ออย่างไม่มีที่สิ้นสุด

ดังนั้น เวลาที่มีอยู่อย่างจำกัดของเราจึงมีคุณค่าหาใช่การสูญเสีย (ตามคำกล่าวของ V. E. Frankl) แม้ว่าเราจะจมอยู่กับความไร้ซึ่งเหตุผลของการเปลี่ยนแปลง แต่เราก็ยังมีความกระหายที่จะให้นิยามกับโลกอันแสนวุ่นวายนี้ และพยายามทำความเข้าใจความลึกลับของชีวิต เพื่อค้นหาสิ่งที่ทำให้มันมีค่าและมั่นคง

ด้วยมุมมองนี้ ความงดงามเปรียบเสมือนสิ่งที่เยียวยาความทุกข์จากธรรมชาติอันแปรปรวนและไม่แน่นอนของโชคชะตา เป็นหัวเรือที่จะช่วยนำทางท่ามกลางความบ้าคลั่ง «pavillon des folies» ที่เราเรียกว่าชีวิต ความงามมิใช่สิ่งชั่วคราวหรือความไม่แน่นอนแต่เป็นอ้อมแขนที่โอบกอดเราไว้ด้วยความรักและมอบความอบอุ่น ด้วยปรารถนาที่จะปลอบประโลมความอ่อนแอและเยียวยาความความยุ่งเหยิงในโลกแห่งความจริงที่เราต้องเผชิญ

หากจะตั้งคำถามว่าความงามคืออะไร ความงามนั้นอาจปราศจากจุดประสงค์ ดังที่ “เธโอไฟล์ โกติเยร์” (Theophile Gautier) เคยกล่าวไว้ว่า “ความงดงามที่แท้จริงคือสิ่งที่ไม่มีวัตถุประสงค์ใด ๆ” เพราะมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับตรรกะของความต้องการ เมื่อเรานึกถึงสีสันสดใสของดอกไม้ เราจะพบว่าความน่าหลงใหลนี้สร้างสิ่งส้ำค่าและความพิถีพิถันที่มนุษย์รู้จัก นั่นคือ การผสมเกสร เหล่าผึ้งทำหน้าที่อันน่าท่งในฐานะนักพันธุศาสตร์ของโลกโดยพึ่งพารสชาติและความสุนทรีย์ พวกมันบินไปตามเส้นทางที่หลากสีสันและรูปทรง เพื่อค้นหาความงดงามอย่างไม่หยุดหย่อน

บางที่สิ่งที่ “มิเชล เดอ มงแตน” (Michel de Montaigne) เคยกล่าวไว้อาจเป็นความจริงที่ว่า “ไม่มีสิ่งใดในธรรมชาติที่ไร้ประโยชน์ แม้แต่ความไร้ประโยชน์นั้นเอง” โดยเฉพาะเมื่อเรานำมาเติมเต็มความสุขให้กับตนเอง เราย่อมรู้ดีว่าเมื่อสร้างหรือพบความงดงามท่ามกลางชีวิตที่ไร้แบบแผนและวุ่นวาย ความงามจะดึงเราเข้าสู่ภาวะแห่งความสุข นำเราออกจากสิ่งที่ไร้ความหมาย อาจเป็นสิ่งที่ยากจะจับต้องและตั้งคำถามถึงความสมบูรณ์ของเรา แต่ก็เป็นแรงกระตุ้นที่เติมเต็มได้อย่างน่าประหลาดใจ

ความงามที่กล่าวถึงนั้นไม่ได้หมายถึงสิ่งที่ผู้คนเชื่อว่าเป็นบรรทัดฐานสากล แต่หมายถึงความสามารถอันแสนพิเศษต่อการรู้สึกและเชื่อมโยงกับบางสิ่งที่เปิดเผย และพบกับจักรวาลแห่งคำนิยามใหม่ ๆ เป็นปรากฏการณ์ที่ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล สรรพสิ่ง และชีวิตชัดเจนขึ้นในทันที

ความรู้สึกเช่นนี้อาจถูกปลุกขึ้นอย่างไม่คาดคิดในขณะที่เราชื่นชมงานศิลปะหรือความงามของจักรวาล เป็นสิ่งที่ยากจะบรรยาย ความศักดิ์สิทธิ์ของอกแม่ที่เปี่ยมไปด้วยน้ำนม ความวิจิตรบรรจงของเครื่องแต่งกายที่ผ่านการสร้างสรรค์อย่างประณีต จิตวิญญาณที่ถูกหลอมรวมเข้ากับร่างกาย ความสง่างามของความว่างเปล่า ความอัศจรรย์ของห้องสมุด และความละเอียดอ่อนของสีน้ำที่ซ้อนกันเป็นชั้น ๆ

ความงามทำให้ระลึกถึงสิ่งที่ “มาร์ตินไฮเดกเกอร์” (Martin Heidegger) เรียกว่า “aletheia” ซึ่งหมายถึงการเผยความจริง ที่ทำให้หัวใจของเราเต้นรัว และพื้นดินสั่นสะเทือนภายใต้การปรากฏขึ้นอันน่าประหลาดใจของความจริงนั้น อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีใครสามารถระบุความหมายของความงามได้อย่างแท้จริง ด้วยธรรมชาติของมันที่ไม่สามารถถูกนิยามด้วยภาษา ความงามจึงเป็นสิ่งที่ปลอบประโลมผู้ช่างฝันและ “กลายเป็นพลังที่แสดงถึงความไร้ซึ่งอำนาจของสิ่งต่าง ๆ” (ตามคำกล่าวของ E. Severino) เป็นแสงที่ปกป้องเราจากความหม่นหมองของการไร้ความหมาย เป็นยา วิเศษที่พาเราข้ามผ่านหุบเหวแห่งความไม่แน่นอน เสมือนใยแมงมุมอันละเอียดอ่อนที่พยุงเราล่องลอยอยู่เหนือความว่างเปล่า”

สำหรับคอลเลกชั่นนี้โดดเด่นในการใช้ลายพิมพ์ผ้าที่มีการเล่นโทนหลากหลายสีสัน มาพร้อมกับลวดลายของผ้า ลูกไม้ และแอคเซสเซอรี่ต่างๆ รวมไปถึงกระเป๋าและไอคอนตัว V อันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ด้วย ซึ่งทั้งหมดมีแรงบันดาลใจจากผลงานในช่วงยุคปี 60s – 70s พร้อมกับสไตล์วินเทจตามสไตล์ โดยงานนี้มีเหล่าคนดังในวงการแฟชั่น..