สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย เมื่อวันที่ 30 ก.ย. ว่า ผลอย่างไม่เป็นทางการของการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรออสเตรีย ชุดใหม่ทั้ง 183 ที่นั่ง เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ปรากฏว่า พรรคเสรีภาพแห่งออสเตรีย หรือ เอฟพีโอ ซึ่งเป็นพรรคการเมืองขวาจัด ได้รับการเลือกตั้งเข้ามามากที่สุด 28.8% คิดเป็น 56 ที่นั่ง เพิ่มขึ้นจากการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 มากถึง 25 ที่นั่ง


ขณะที่พรรคประชาชนออสเตรีย (โอวีพี) ซึ่งเป็นพรรคสายกลาง-ขวา ของนายกรัฐมนตรีคาร์ล เนฮัมเมอร์ ผู้นำคนปัจจุบัน ได้รับการเลือกตั้งเข้ามา 26.3% คิดเป็น 52 ที่นั่ง แต่ลดลงจากการเลือกตั้งเมื่อ 5 ปีที่แล้ว มากถึง 19 ที่นั่ง


ตามด้วยพรรคสังคมประชาธิปไตยแห่งออสเตรีย (เอสพีโอ) ซึ่งเป็นพรรคสายกลาง-ซ้าย ของนายอันเดรอาส บาเบลอร์ ได้รับการเลือกตั้งคิดเป็นสัดส่วน 21.1% หรือ 41 ที่นั่ง เพิ่มขึ้น 1 ที่นั่ง จากการเลือกตั้งเมื่อปี 2562


นายแฮร์แบร์ต คิกล์ หัวหน้าพรรคเอฟพีโอ ประกาศชัยชนะ และยกย่องผลการเลือกตั้งครั้งนี้ “คือประวัติศาสตร์ของออสเตรียอย่างแท้จริง” เนื่องจากเป็นครั้งที่พรรคการเมืองขวาจัด ชนะการเลือกตั้งทั่วไปของออสเตรีย นับตั้งแต่ก่อตั้งพรรคเมื่อปี 2499 โดยนายอันโทน ไรน์ธัลเลอร์ อดีตสมาชิกพรรคนาซี


อย่างไรก็ตาม เส้นทางการจัดตั้งรัฐบาล และการก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของคิกล์ค่อนข้างลำบาก เนื่องจากพรรคการเมืองที่เหลือในออสเตรีย จับมือรวมตัวกันเป็นพันธมิตรเฉพาะกิจ ยืนยันไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรคเอฟพีโอ ซึ่งหากคิกล์ไม่สามารถโน้มน้าวพรรคการเมืองใดได้เลย นั่นหมายความว่า พรรคการเมืองอันดับรองลงมาจะจับขั้วตั้งรัฐบาลแทน และพรรคเอฟพีโอจะกลายเป็นฝ่ายค้าน


ทั้งนี้ทั้งนั้น ชัยชนะของพรรคเอฟพีโอ คือกระแสล่าสุดของความนิยมที่มีต่อพรรคขวาจัดในยุโรป นับตั้งแต่พรรคแนวร่วมแห่งชาติ (เอฟเอ็น) ของนางมารีน เลอ แปน และนายจอร์แดน บาร์เดลลา ชนะการเลือกตั้งสมาชิกสภายุโรปในสัดส่วนของฝรั่งเศส และพรรคทางเลือกเพื่อเยอรมนี (เอเอฟดี) ชนะการเลือกตั้งระดับท้องถิ่นเป็นครั้งแรก.

เครดิตภาพ : AFP