นายอิทธิพล คุณปลื้ม รมว.วัฒนธรรม กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านภาพยนตร์ระหว่างทบวงกิจการภาพยนตร์แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนและกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) แห่งราชอาณาจักรไทย ตามที่วธ.เสนอ โดยทบวงกิจการภาพยนตร์ของประเทศจีนได้เสนอทำความตกลงด้านภาพยนตร์กับวธ. ซึ่งทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องร่วมกันในการจัดทำบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างกัน ซึ่งสอดคล้องกับแผนปฏิบัติการส่งเสริมและเผยแพร่ภาพยนตร์และวีดิทัศน์ไทยในสาธารณรัฐประชาชนจีน แผนแม่บทยุทธศาสตร์เฉพาะยุทธศาสตร์การส่งเสริมอุตสาหกรรมภาพยนตร์และวีดิทัศน์ ระยะที่ 3 (พ.ศ. 2560-2564) ในด้านการส่งเสริมความร่วมมือในการลงทุนระหว่างประเทศ รวมถึงธุรกิจถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย แผนปฏิบัติการส่งเสริมความร่วมมือและขยายตลาดคอนเทนต์ระหว่างไทยและจีน รวมถึงการส่งเสริมการเข้าถึงแหล่งทุน และเป็นแนวทางในการจัดทำบันทึกความเข้าใจเพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศด้านสื่อบันเทิงสาขาอื่นๆ เช่น ละครโทรทัศน์ ซีรีส์ แอนิเมชัน เกม และดนตรี กับประเทศคู่เจรจาอื่นต่อไปในอนาคต ซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ของทั้งสองประเทศได้มีช่องทางในการร่วมผลิต และเปิดตลาดภาพยนตร์ระหว่างกัน โดยเฉพาะตลาดภาพยนตร์ของจีน ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพและกำลังซื้อขนาดใหญ่ของโลก ทั้งนี้ครม.ได้อนุมัติให้ รมว.วัฒนธรรม เป็นผู้ลงนามฝ่ายไทยในบันทึกความเข้าใจในครั้งนี้

นายอิทธิพล กล่าวต่อไปว่า สำหรับสาระสำคัญของบันทึกความเข้าใจฉบับนี้ มุ่งส่งเสริมให้เกิดการเผยแพร่แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านภาพยนตร์ระหว่างบุคลากรในอุตสาหกรรมและประชาชนของทั้งสองประเทศ ผ่านการจัดนิทรรศการ หรือเทศกาลภาพยนตร์ไทยในประเทศจีนผ่านช่องทางต่างๆ เผยแพร่ภาพลักษณ์ความเป็นไทยตามสื่อบันเทิงในรูปแบบภาพยนตร์แก่ผู้บริโภคของจีน และประชาชนของทั้งสองประเทศได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้วัฒนธรรม วิถีชีวิตระหว่างกันผ่านสื่อภาพยนตร์ อีกทั้งยังส่งเสริมให้เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูลอุตสาหกรรมตลอดจนข้อมูลที่ปรากฏในหอภาพยนตร์ของแต่ละประเทศ ทำให้ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนมีข้อมูลอุตสาหกรรมภาพยนตร์ของสองประเทศที่มีความเชื่อถือ สามารถนำมาใช้เป็นข้อมูลในการวิเคราะห์ดำเนินนโยบายและวางแผนทางธุรกิจ ที่จะเป็นประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมฯในภาพรวม นอกจากนี้ บันทึกความเข้าใจฉบับนี้ทั้งสองฝ่ายยังมุ่งสนับสนุนให้มีการจัดทำความตกลงด้านการลงทุนผลิตภาพยนตร์ระหว่างรัฐบาลในอนาคตเพื่อประโยชน์แก่ภาคเอกชน ซึ่งส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทย ช่วยเพิ่มโอกาสให้เกิดผลงานภาพยนตร์ไทยในตลาดภาพยนตร์ของประเทศจีนมากขึ้น