เมื่อวันที่ 28 ก.ย. เกิดเหตุชายอายุ 39 ปี พนักงานเสิร์ฟของสถานบันเทิงแห่งหนึ่งย่านสายสามพัทยา เกิดอาการคลุ้มคลั่งเดินถืออาวุธปืนเดินไปมาบริเวณแหล่งท่องเที่ยว ซอยเฉลิมพระเกียรติ 25 ไปจนถึงลานจอดรถเอ็กซ์ไซด์พัทยาแล้วยกอาวุธปืนขึ้นมาจ่อศีรษะตัวเองหวังจะปลิดชีพหนีผิด สาเหตุเกิดจากความเครียดที่รู้ว่ากลุ่มวัยรุ่นคู่อริที่ตนเองมีปัญหาด้วยในช่วงเวลาประมาณ 05.00 น.ที่ผ่านมา แล้วเกิดเคลียร์ปัญหากันไม่ลงตัว กลุ่มวัยรุ่นคู่กรณีจึงยกพวกกันมา รวมถึงแจ้งตำรวจให้มาจับกุมผู้ก่อเหตุ ซึ่งเจ้าตัวกลัวหากถูกจับจะต้องโดนโทษหนัก เนื่องจากตนเองนั้นมีหมายจับคดีฆ่าผู้อื่นและพยายามฆ่าผู้อื่น หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจรับแจ้งจึงนำกำลังไปปิดล้อมพร้อมอพยพนักท่องเที่ยวและชาวบ้านออกจากจุดเกิดเหตุ

พ.ต.อ.นาวิน ธีระวิทย์ ผกก.สภ.เมืองพัทยา ยังคงนำกำลังปิดล้อมบริเวณที่เกิดเหตุพร้อมกันประชาชนห้ามเข้าใกล้เพื่อป้องกันการเกิดอันตราย แล้วใช้วิธีการเกลี้ยกล่อมเวลาผ่านไปรวมกว่า 2 ชั่วโมง ยังไม่มีทีท่าว่าผู้ก่อเหตุจะยอมลดละมอบตัวกับเจ้าหน้าที่แต่อย่างใดจึงออกอุบายไปซื้อเบียร์มานั่งดื่มด้วยหวังจะเข้าประชิดตัวแล้วจะส่งสัญญาณเข้าชาร์จตัว จากนั้นไม่นานเกิดเหตุไม่คาดฝันชายดังกล่าวได้ใช้อาวุธปืนจ่อที่ขมับขวาแล้วลั่นไก 1 นัด หวังจะหนีความผิดในครั้งนี้และครั้งเก่าจนฟุบลงไปจมกองเลือดกระสุนฝังในได้รับบาดเจ็บอาการสาหัสท่ามกลางสายตาเจ้าหน้าที่กว่า 50 นาย

หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่เข้าเคลียร์สถานที่เกิดเหตุพร้อมส่งกำลังเจ้าหน้าที่กู้ภัยฯ เข้าปฐมพยาบาลเบื้องต้นด้วยการปั๊มหัวใจเพื่อยื้อชีวิตก่อนเคลื่อนย้ายส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน ส่วนการตรวจสอบในที่เกิดเหตุเพิ่มเติมพบว่าอาวุธปืนที่ใช้ในการก่อเหตุเป็นอาวุธปืนแบลงค์กันดัดแปลงเป็นอาวุธปืนจริงขนาด .32 เจ้าหน้าที่จึงทำการตรวจยึดไว้เป็นหลักฐาน ซึ่งจากการสอบถามผู้ก่อเหตุก่อนหน้านี้ยอมรับว่า เป็นผู้ก่อเหตุใช้อาวุธปืนข่มขู่วินรถจักรยานยนต์รับจ้างจริง แต่ไม่ได้เกิดความเครียดจากเรื่องนี้ แต่ที่เครียดเพราะว่าตัวเองมีหมายจับคดีฆ่าผู้อื่นและพยายามฆ่าโดยมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครอง ในพื้นที่จังหวัดราชบุรี เมื่อปี 2557 ก่อนจะมาก่อเหตุสลดดังกล่าว