สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 26 ก.ย. ว่า รายงานแนวโน้มเศรษฐกิจระบุว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ทั่วโลก จะขยายตัวร้อยละ 3.2 เมื่อเทียบกับร้อยละ 3.1 จากการคาดการณ์ครั้งก่อน “การเติบโตของผลผลิตทั่วโลกยังคงยืดหยุ่น และอัตราเงินเฟ้อยังคงชะลอตัว” รายงานกล่าว
ทั้งนี้ ธนาคารกลางในสหรัฐและยุโรป เริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อซึ่งพุ่งสูงขึ้น จากการระบาดของโรคโควิด-19 และสงครามระหว่างยูเครนกับรัสเซีย เข้าสู่ภาวะที่เรียกได้ว่า “ทรงตัว”
โออีซีดีอ้างถึงการเติบโตที่ค่อนข้างแข็งแกร่งในสหรัฐ, บราซิล, สหราชอาณาจักร, อินเดีย และอินโดนีเซีย และปรับลดคาดการณ์การเติบโตของจีดีพีรัสเซียขึ้นอีกร้อยละ 1.1 เป็นร้อยละ 3.7
ขณะเดียวกับ โออีซีดีปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจของเยอรมนี ซึ่งเป็นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดของยุโรป เหลือร้อยละ 0.1 และระบุว่าจีดีพีของญี่ปุน จะหดตัวร้อยละ 0.1 ขณะที่เศรษฐกิจของอาร์เจนตินา จะหดตัวลงมากถึงร้อยละ 4
สำหรับหนี้สาธารณะทั่วโลกที่พุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 97 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3,173 ล้านล้านบาท) ซึ่งเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า เมื่อเทียบกับปี 2553 โออีซีดีเตือนว่า หากไม่มีการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ภาระหนี้ในอนาคตอาจเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ดังนั้น รัฐต้องเพิ่มรายได้จากภาษีทางอ้อม อาทิ ภาษีสิ่งแวดล้อมและทรัพย์สิน.
เครดิตภาพ : AFP