เมื่อวันที่ 19 ต.ค. ที่วัดไตรมิตรวิทยาราม วรวิหาร สมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี (ธงชัย ธัมมธโช) หรือ “สมเด็จธงชัย” ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไตรมิตรฯ กรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) เจ้าคณะใหญ่หนกลาง เป็นประธานมอบพระบัญชาสมเด็จพระสังฆราช แต่งตั้งเจ้าคณะจังหวัด โดยมี นายสิปป์บวร แก้วงาม รองผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) รักษาราชการ ผอ.พศ. เป็นผู้อ่านพระบัญชาสมเด็จพระสังฆราช แต่งตั้งพระราชสุทธิธรรมาจารย์ (สำอางค์ ตานทินโน) วัดประยูรธรรมราม จ.ปทุมธานี ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะจ.ปทุมธานี พระราชรัตนวิสุทธิ์ (ชำนาญ เขมนนฺโท) วัดกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ดำรงตำแหน่ง เจ้าคณะ จ.ประจวบคีรีขันธ์ และพระครูวิบูลเจติยานุรักษ์ (ประไพ ปุญฺญกาโม) วัดดอนเจดีย์ จ.สุพรรณบุรี ดำรงตำแหน่ง เจ้าคณะ จ.สุพรรณบุรี 

จากนั้นสมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี กล่าวให้โอวาทว่า ขอแสดงความยินดีที่ท่านทั้ง 3 รูป ได้รับความไว้วางพระราชหฤทัยจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำริในการแต่งตั้งเจ้าคณะจังหวัด เพื่อรับภาระธุระในการปกครองคณะสงฆ์ในเขตจังหวัด ทั้งนี้สิ่งที่ตนอยากฝากไว้ คือ 1.ในการปกครองคณะสงฆ์ ต้องควบคุม กำกับ ดูแล เข้มงวด ตามพระธรรมวินัย กฎหมายบ้านเมือง กฎมส. ข้อบังคับ ประกาศ พระบัญชาสมเด็จพระสังฆราช อย่างเคร่งครัด และต้องมีความสามัคคี เคารพกัน 2.ส่งเสริมการศาสนศึกษา การศึกษาสงเคราะห์ การสาธารณูปการ การสาธารณสงเคราะห์ การเผยแผ่ และขอเน้นในการส่งเสริมการเรียนการสอนนักธรรม บาลี 3.แก้ไขข้อขัดข้องในเขตปกครองให้มีความเรียบร้อย 4.ควบคุมคณะสงฆ์ในบังคับบัญชา ชี้แจง แนะนำ ให้วางตัวเหมาะสมกับสมณเพศ รักษาไว้ซึ่งความศรัทธา 5.ตรวจการ และประชุมพระสังฆาธิการอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ขอย้ำเตือนตามที่สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ทรงนิพนธ์ไว้ ความว่า ภิกษุสงฆ์ แม้มีพระวินัยเป็นกฎหมายสำหรับตัวอยู่ส่วนหนึ่งแล้ว ก็ยังจะต้องอยู่ในใต้อำนาจแห่งกฎหมายฝ่ายอาณาจักรอีกส่วนหนึ่ง ซึ่งตราไว้เฉพาะหรือเพื่อคนทั่วไป และยังคงอนุวัตจารีตของบ้านเมือง อันไม่ขัดต่อกฎหมายสองประเภทนั้นอีก สรุปความว่า ภิกษุสงฆ์มีกฎหมาย อันพึงฟังอยู่ 3 ประเภท คือ กฎหมายแผ่นดิน พระวินัย และจารีต

ขณะที่เพจเฟซบุ๊ก วัดเขียนเขต พระอารามหลวง ได้โพสต์ข้อความลงชื่อ พระธรรมรัตนาภรณ์ (สมศักดิ์ โชตินธโร) เจ้าอาวาสวัดเขียนเขต อดีตเจ้าคณะ จ.ปทุมธานี พร้อมภาพกำลังนั่งสมาธิกับพระสงฆ์ในวัด ระบุว่า ขออนุโมทนาขอบคุณขอบใจ คณะสงฆ์ คณะศิษย์ และชาวพุทธทั้งหลาย ที่ต่างได้ให้กำลังใจ แสดงความห่วงใย ร่วมกันร้องขอความเป็นธรรมจากการที่มส.มีมติรับทราบการถอดถอนออกจากตำแหน่งเจ้าคณะ จ.ปทุมธานี ซึ่งกรณีนี้ เชื่อว่ากาลเวลาและการกระทำของอาตมภาพที่ผ่านมา คงจะเป็นเครื่องพิสูจน์ความจริงทุกอย่างได้ดีที่สุด ส่วนความถูกผิดนั้นขอให้ท่านทั้งหลายเป็นผู้พิจารณา สิ่งใดที่ท่านทั้งหลายได้ดำเนินการด้วยความปรารถนาดีต่ออาตมภาพแล้ว ขอให้เป็นไปตามกระบวนการ แต่ทว่าจากนี้ไปในส่วนตัวของอาตมภาพนั้น ขอเป็นอันยุติ ในส่วนของตำแหน่งหน้าที่เจ้าคณะ จ.ปทุมธานี ที่ได้ปฏิบัติงานสนองการคณะสงฆ์มา 16 ปี อาตมภาพได้เคยปรารภกับพระสงฆ์ในวัด พระสงฆ์ที่ใกล้ชิด รวมถึงญาติโยมบางส่วนไว้ก่อนหน้านี้ว่า เมื่ออายุครบ 72 ปี คือในปี พ.ศ.2565 อาตมภาพมีความตั้งใจจะขอยุติการทำหน้าที่ เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้อื่นได้เข้ามาขับเคลื่อนพัฒนางานของการคณะสงฆ์ให้เจริญรุ่งเรืองยิ่งๆ ขึ้นไป อีกทั้ง อาตมภาพจะได้ใช้เวลาช่วงบั้นปลายของชีวิต บำเพ็ญสมณธรรมอย่างเต็มที่ ฝึกฝนอบรมตน เจริญจิตภาวนา สร้างวัด ทะนุบำรุงพระพุทธศาสนาตามกำลังศักยภาพ ในห้วงขณะนี้ แม้จะมีเหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้น อาตมภาพ ยังคงยึดมั่นในมโนปณิธานที่ว่า ชีวิตนี้เพื่อพระพุทธศาสนา หากสติปัญญาความสามารถยังมีประโยชน์ต่อการพระศาสนา อาตมภาพยังคงมีความพร้อมที่จะรองรับสนองงานตามที่คณะสงฆ์มอบหมาย รวมถึงยังคงมุ่งมั่นตั้งใจขับเคลื่อนภารกิจที่รับผิดชอบในฐานะประธานอนุกรรมการโครงการวัด ประชา รัฐ สร้างสุข ส่วนกลาง ให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุดตามที่ฝ่ายสาธารณูปการของมหาเถรสมาคมได้มอบหมายไว้อย่างเต็มกำลังความสามารถต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ส่วนการมอบพระบัญชาสมเด็จพระสังฆราช แต่งตั้ง พระราชภาวนาพิธาน (ศิริวัฒน์ สิริวัฑฒโน) วัดโสธรวราราม วรวิหาร จ.ฉะเชิงเทรา ให้ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะ จ.ฉะเชิงเทรา นั้น สมเด็จพระพุฒาจารย์ (สนิท ชวนปัญโญ) เจ้าอาวาสวัดไตรมิตรฯ กรรมการ มส. เจ้าคณะใหญ่หนตะวันออก กำหนดมอบพระบัญชาสมเด็จพระสังฆราชในวันที่ 7 พ.ย. เวลา 13.30น. ที่วัดไตรมิตรฯ ขณะที่คณะสงฆ์คณะธรรมยุต มีกำหนดจัดพิธีมอบพระบัญชาสมเด็จพระสังฆราช แต่งตั้ง พระครูสุทธิญาณโสภณ (เล็ก สุทธิญาโณ) วัดป่านาขาม จ.หนองคาย ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะ จ.กาฬสินธุ์ (ธรรมยุต) ในวันที่ 23 ต.ค. เวลา 13.00 น. ที่วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร