สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย เมื่อวันที่ 25 ก.ย. ว่านายดมิทรี เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน กล่าวถึงการที่ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี กล่าวว่า การจะนำรัสเซียเข้าสู่กระบวนการเจรจา “ต้องเป็นการข่มขู่บังคับเท่านั้น” ถือเป็น “ความผิดพลาดร้ายแรง” และเป็น “ความผิดพลาดเชิงระบบ”


โฆษกทำเนียบเครมลินกล่าวต่อไปว่า การให้ความเห็นลักษณะนี้ สะท้อนความเข้าใจผิดอย่างร้ายแรงของผู้นำยูเครน และจะส่งผลกระทบต่อโครงสร้างระบบการบริหารของรัฐบาลเคียฟ “อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้” และเน้นย้ำว่า รัสเซีย “ต้องการสันติภาพ” แต่ “ต้องตั้งอยู่บนเงื่อนไขของการมีเสถียรภาพ และรัฐบาลมอสโกต้องบรรลุเป้าหมายของปฏิบัติการทางทหารในยูเครน”


ทั้งนี้ เซเลนสกี กล่าวต่อที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ( ยูเอ็นเอสซี ) ว่า “ต้องบังคับ” ให้รัสเซียเข้าสู่กระบวนการเจรจา แต่การหารือต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของกฎบัตรสหประชาชาติ เพื่อสะท้อนให้ทุกฝ่ายได้ประจักษ์อย่างแท้จริง ว่าสงครามครั้งนี้สามารถสิ้นสุดได้ ด้วยแนวทางของสหประชาชาติ


นอกจากนี้ ผู้นำยูเครนกล่าวถึง แผนการจัดประชุมสันติภาพครั้งที่สอง หลังการหารือครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อเดือนมิ.ย. ที่ผ่านมา โดยยืนยันว่า จะเชิญทั้งรัสเซียและจีนเข้าร่วมการหารือ และคาดว่า น่าจะเกิดขึ้นในเดือนพ.ย. ที่จะถึง


อย่างไรก็ตาม กระทรวงการต่างประเทศรัสเซียออกแถลงการณ์ ว่าจะไม่ส่งคณะผู้แทนเข้าร่วมการประชุมสันติภาพนานาชาติเกี่ยวกับยูเครน ซึ่งมีแนวโน้มว่า จะมีการจัดขึ้นเป็นครั้งที่สอง ในเดือนพ.ย. นี้ โดยให้เหตุผลว่า จุดประสงค์ของการประชุมที่ว่านั้น “ยังเป็นแบบเดิม” และ “เปล่าประโยชน์” นั่นคือ “การต้องสนับสนุนแผนการของเซเลนสกีเท่านั้น”


ส่วนจีนไม่ส่งผู้แทนเข้าร่วมการประชุมสันติภาพนานาชาติครั้งแรก โดยวิจารณ์รูปแบบของการจัดการประชุม “ไม่สอดคล้องกับแนวทาง” และการเรียกร้องของรัฐบาลปักกิ่ง ที่ต้องการให้ยูเครนและรัสเซียเข้าร่วมทั้งคู่ และการหารือ “ต้องมีความเท่าเทียมและเป็นธรรม”.

เครดิตภาพ : AFP