นักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 25 ก.ย. ว่าอัตราการก่ออาชญากรรมรุนแรงในสหรัฐลดลงเมื่อปีที่แล้ว สวนทางกับคำปราศรัยของนายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดี และผู้สมัครของพรรครีพับลิกัน ซึ่งมักอ้างว่าอาชญากรรมในประเทศกำลังกลับมาแพร่ขยาย

ทั้งนี้ รายงานของเอฟบีไอระบุว่า อัตราการก่ออาชญากรรมรุนแรงในภาพรวมลดลงร้อยละ 3 ซึ่งเมื่อจำแนกเป็นประเภทของอาชญากรรม พบว่า การฆาตกรรมลดลงร้อยละ 11.6 การข่มขืนลดลงร้อยละ 9.4 และการทำร้ายร่างกายลดลงร้อยละ 2.8

ขณะที่การจารกรรมและทำลายทรัพย์สินลดลงประมาณร้อยละ 2.4 ยกเว้นการขโมยรถซึ่งรวมอยู่ในหมวดหมู่นี้ แต่มีคดีเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.6

นางกมลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีคนปัจจุบันของสหรัฐ และแคนดิเดตของพรรคเดโมแครต แสดงความยินดี ที่ตัวเลขของอาชญากรรมรุนแรงลดลง “ข้อมูลนี้ช่วยยืนยันว่า ความทุ่มเทและความร่วมมือกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายนั้นได้ผล” เธอกล่าวโดยอ้างถึงการสนับสนุนเพิ่มเติมจากหน่วยงานท้องถิ่น, การป้องกันอาชญากรรม และความพยายามในการควบคุมอาวุธปืน

“อาชญากรรมรุนแรงลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 50 ปี บ่งชี้ความคืบหน้าอย่างมาก แต่เราจะไม่หยุดอยู่แค่นี้” เธอกล่าวเสริม

ทั้งนี้ ในช่วงหาเสียง ทรัมป์มักอ้างถึง “คลื่นอาชญากรรมรุนแรง” ที่กำลังแผ่ขยายไปทั่วประเทศ และโยนความผิดให้กับผู้อพยพ อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้เสนอหลักฐาน เพื่อสนับสนุนคำกล่าวอ้างของตนเอง และหักล้างกับสถิติอาชญากรรมของเอฟบีไอ

ด้านเจ้าหน้าที่เอฟบีไออธิบายว่า รายงานดังกล่าวใช้วิธีสืบค้นแบบเดียวกันมานานหลายทศวรรษ.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES