เมื่อวานนี้ คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบมาตรการพักชำระหนี้ให้กับลูกหนี้รายย่อยตามนโยบายรัฐบาล ระยะที่ 2 และระยะที่ 3 และการพัฒนาศักยภาพเพื่อฟื้นฟูลูกหนี้ ธ.ก.ส. รวมทั้งอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี รวมทั้งสิ้น 23,172 ล้านบาท เนื่องจากมาตรการพักชำระหนี้ฯ ระยะที่ 1 จะสิ้นสุดลงในวันที่ 30 ก.ย. 67  

สำหรับมาตรการพักชำระหนี้ฯ ระยะที่ 2 และระยะที่ 3 รวมถึงการพัฒนาศักยภาพลูกหนี้ฯ มีหลักเกณฑ์การดำเนินการเช่นเดียวกับการดำเนินมาตรการพักชำระหนี้ฯ ระยะที่ 1 โดยมีรายละเอียดสรุปได้ ดังนี้

วัตถุประสงค์

  • เพื่อลดภาระหนี้ให้แก่ลูกหนี้ ธ.ก.ส. ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งยังไม่ฟื้นตัวและส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจเป็นวงกว้าง
  • เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนภาระดอกเบี้ยให้แก่ลูกหนี้ ธ.ก.ส.
  • เพื่อเพิ่มโอกาสนำเงินไปใช้ลงทุนปรับเปลี่ยน หรือขยายการประกอบอาชีพ และฟื้นฟูศักยภาพตนเองในการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต กลุ่มเป้าหมาย เกษตรกรที่เป็นลูกหนี้ ธ.ก.ส. ที่เข้าร่วมมาตรการพักชำระหนี้ฯ ระยะที่ 1 (ทุกจังหวัดทั่วประเทศ) โดยเป็นผู้แสดงความประสงค์เข้าร่วมมาตรการพักชำระหนี้ฯ ระยะที่ 1 ภายในวันที่ 31 มีนาคม 2567 จำนวน 1.85 ล้านราย ต้นเงินคงเป็นหนี้รวม 240,836 ล้านบาท

ระยะเวลาโครงการ

  • ระยะที่ 2 ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2567 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2568 (1 ปี)
  • ระยะที่ 3 ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2568 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2569 (1 ปี)
  • งบประมาณ รวมทั้งสิ้น 23,172 ล้านบาท ประกอบด้วย

1. รัฐบาลชดเชยดอกเบี้ยเงินกู้แทนเกษตรกรลูกหนี้ ธ.ก.ส. ที่เข้าร่วมมาตรการพักชำระหนี้ฯ ระยะที่ 2 และระยะที่ 3 ในอัตรา 4.50% ต่อปี โดยให้จัดสรรงบประมาณจ่ายคืน ธ.ก.ส. เต็มจำนวนเป็นรายปี แยกจากโครงการอื่นที่ได้รับชดเชยอย่างชัดเจนรวมกรอบวงเงินชดเชย จำนวน 21,172 ล้านบาท ดังนี้

ระยะที่ 2 กรอบวงเงินชดเชย 10,550 ล้านบาท

ระยะที่ 3 กรอบวงเงินชดเชย 10,622 ล้านบาท

2. รัฐบาลสนับสนุนค่าใช้จ่ายการพัฒนาศักยภาพเพื่อฟื้นฟูลูกหนี้ ธ.ก.ส. งบประมาณรวม 2,000 ล้านบาท (สำหรับการอบรมเกษตรกรปีละประมาณ 300,000 ราย รายละ 3,000 บาท จำนวน 2 ปี)

แนวทางการดำเนินการ

ธ.ก.ส. ประเมินศักยภาพและความสามารถในการชำระหนี้ประจำปี [Loan Review (LR)] ของลูกหนี้เพื่อเข้าสู่มาตรการพักชำระหนี้ฯ ในระยะต่อไป