“เบาหวาน” เป็นโรคที่อันตรายอันดับ 3 รองจาก “โรคหลอดเลือดหัวใจ” และ “มะเร็ง” การรับประทานอาหารที่ไม่ดีอาจทำให้คุณเป็นโรคเบาหวานได้ง่าย

สื่อออนไลน์ Soha และ ETToday รายงานว่า จากข้อมูลของ สมาคมป้องกันและควบคุมโรคเบาหวานโลก (World Association for Diabetes Prevention and Control) ในปี 2564 ผู้ใหญ่มากกว่า 1 ใน 10 คน จะเป็นโรคเบาหวาน ผู้ป่วยมากกว่า 55% มีภาวะแทรกซ้อน โดย 34% เป็นภาวะแทรกซ้อนทางหัวใจและหลอดเลือด 39.5% มีภาวะแทรกซ้อนทางตา และภาวะแทรกซ้อนทางระบบประสาท 24% มีภาวะแทรกซ้อนที่ไต

หยาง ซีเหวิน ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ครอบครัว และการลดน้ำหนักในไต้หวัน เตือนว่า หลายคนคิดว่าพวกเขากินเพื่อสุขภาพ แต่เนื่องจากพวกเขาไม่ใส่ใจกับประเภทของอาหารที่กิน จึงมักจะชอบรับประทานอาหารที่แตกต่างกัน เมื่อเวลาผ่านไป ก็นำไปสู่ความไม่สมดุลทางโภชนาการ ซึ่งส่งผลต่อสุขภาพของพวกเขา โรคเบาหวานก็มาจากการกินแบบนั้น

หยาง ซีเหวิน เล่าให้ฟังถึงเคสหนึ่งที่มีสมาชิก 5 คนในครอบครัว ซึ่งทั้งครอบครัวได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคเบาหวาน คุณหมอหยางถามถึงนิสัยการกินของครอบครัวนี้ พบว่าจากอาหาร 3 มื้อต่อวัน พวกเขากิน “ข้าวผัด” และ “บะหมี่ผัด” 2 มื้อต่อวัน โดยมักจะเติม “ซอสพริก” และ “ซีอิ๊ว” หรือ “ซอสถั่วเหลือง” อยู่เสมอ

หลังจากเติมซอสพริกในแต่ละมื้อแล้ว ทุกคนในครอบครัวสามารถรับประทานได้ครั้งละ 3 ชาม เนื่องจากอร่อยมาก พวกเขาจึงไม่ต้องการเครื่องเคียงใดๆ ส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดพุ่งสูงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากพวกเขากินแต่แป้งเป็นจำนวนมาก ในไม่ช้าพวกเขาก็รู้สึกหิวอีกครั้ง และพวกเขาก็กินอีกครั้ง เพื่อสนองความหิวของตัวเอง ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดยังคงเพิ่มขึ้นต่อไป นอกเหนือจากซอสพริก พวกเขายังได้รับโซเดียมจากซอสถั่วเหลืองอีกด้วย ซึ่งไปเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะขาดน้ำ และนำไปสู่ภาวะน้ำตาลในเลือดสูง เพิ่มความดันออสโมติกได้อย่างง่ายดาย นี่เป็นภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายของโรคเบาหวาน

หยาง ซีเหวิน อธิบายเพิ่มเติมอีกว่า อาหารที่มีคาร์โบไฮเดรต (แป้ง) สูง อาจทำให้เกิด “ภาวะดื้อต่ออินซูลิน” (Insulin Resistance) และกลุ่มอาการเมตาบอลิซึม ซึ่งนำไปสู่โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง กรดยูริกสูง และโรคอ้วน

โรคเบาหวานแบ่งออกเป็น 2 ประเภท
ประเภทที่ 1 เป็นโรคแพ้ภูมิตัวเอง
ประเภทที่ 2 เกี่ยวข้องกับพันธุกรรมของครอบครัว
ดังนั้นโรคเบาหวานประเภท 2 มักเป็นโรคทางพันธุกรรม แต่ไม่ได้หมายความว่า หากคนในครอบครัวเป็นโรคเบาหวาน คนอื่นก็จะป่วยด้วย

เธอเน้นย้ำว่า ตราบใดที่คุณรู้วิธีรับประทานอาหารอย่างเหมาะสม และตรวจพบสาเหตุของปัญหาได้ตั้งแต่เนิ่นๆ แม้จะอยู่ในระยะก่อนเป็นโรคเบาหวาน คุณก็สามารถมีสุขภาพที่ดีได้ เธอเตือนว่าเมื่ออายุเพิ่มขึ้น อัตราการเผาผลาญลดลง การรับประทานอาหารที่ไม่เหมาะสม และขาดการออกกำลังกาย จะทำให้เกิดภาวะดื้อต่ออินซูลินมากขึ้น ซึ่งไม่เอื้อต่อการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด จากนั้นจะลุกลามไปสู่โรคเบาหวาน

หยาง ซีเหวิน ระบุสาเหตุของการดื้อต่ออินซูลิน รวมถึงการรับประทานอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตสูง การสะสมของไขมัน ตลอดจนความเครียดและการอดนอน

เธอเสนอวิธีแก้ไขภาวะดื้อต่ออินซูลิน (Insulin Resistance) 3 วิธี

  1. ปรับอาหารของคุณ: ลดการบริโภคคาร์โบไฮเดรตขัดสี เพิ่มการบริโภคอาหารที่มีเส้นใยสูงและไขมันที่ดี
  2. ออกกำลังกายเป็นประจำ: โดยเฉพาะการเต้นแอโรบิก จะช่วยเรื่องภาวะดื้อต่ออินซูลินได้ดี
  3. ควบคุมความเครียด และนอนหลับให้เพียงพอ: มีส่วนช่วยให้อินซูลินทำงานเป็นปกติ นอกจากนี้ หากจำเป็นต้องใช้ยาเพื่อลดภาวะดื้อต่ออินซูลิน ต้องได้รับการวินิจฉัยและสั่งจ่ายยาจากแพทย์โดยตรง

ที่มาและภาพ : Soha, ETToday, Cindy – Sharon Ang / Pixabay