สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเบรุต ประเทศเลบานอน เมื่อวันที่ 22 ก.ย. ว่ากองทัพอิสราเอลออกแถลงการณ์ ว่าเครื่องบินรบหลายลำของกองทัพอากาศปฏิบัติการ “โจมตีเป็นวงกว้าง” ในเขตทางใต้ของเลบานอน” เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา เพื่อกำจัดภัยคุกคามที่จะเกิดขึ้นกับพลเมืองอิสราเอล” โดยยังไม่มีการให้ข้อมูลเพิ่มเติม แต่มีการออกคำสั่งจำกัดการรวมตัวของประชาชน ในเมืองไฮฟา ซึ่งเป็นเมืองขนาดใหญ่ที่สุดทางเหนือของประเทศ


ปฏิบัติการดังกล่าวเกิดขึ้นเพียงวันเดียว หลังอิสราเอลปฏิบัติการโจมตีทางอากาศ ทำลายเป้าหมายในพื้นที่ทางตอนใต้ของกรุงเบรุต เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 37 ราย รวมถึงสมาชิกอาวุโสสองคนของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์


ขณะเดียวกัน กองทัพอิสราเอลยืนยันว่า มีการยิงจรวดมากกว่า 90 ลูก ออกจากเลบานอนพุ่งตรงมายังฐานประจำการ 11 แห่ง ของทหารอิสราเอล ที่กระจายอยู่ทางเหนือของประเทศ


ด้านนายนาจิบ มิกาตี นายกรัฐมนตรีเลบานอน ประณาม “การสังหารหมู่” ของอิสราเอล และยกเลิกกำหนดการเข้าร่วมการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ ( ยูเอ็นจีเอ ) ที่นครนิวยอร์กของสหรัฐ ขณะที่นายอันโตนิโอ กูเตร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ ( ยูเอ็น ) เรียกร้อง “คู่กรณีทุกฝ่าย” ยุติการใช้ความรุนแรงต่อกัน


ส่วนกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐขอให้พลเมืองของตัวเอง เดินทางออกจากเลบานอน “ในช่วงนี้ ซึ่งเป็นเวลาที่บริการเที่ยวบินพาณิชย์ส่วนใหญ่ยังคงให้บริการ”


ทั้งนี้ อิสราเอลและกลุ่มฮิบอลเลาะห์ซึ่งมีฐานที่มั่นอยู่ทางใต้ของเลบานอน โจมตีตอบโต้กันไม่เว้นแต่ละวัน นับตั้งแต่สงครามในฉนวนกาซาปะทุ เมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2566

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ทวีความรุนแรงขึ้น นับตั้งแต่เดือนส.ค. ที่ผ่านมา และตึงเครียดมาดขึ้นอีก เมื่อเกิดเหตุเพจเจอร์และวิทยุสื่อสารจำนวนมากของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ ระเบิดพร้อมกัน เมื่อวันที่ 17 ก.ย. และ 18 ก.ย. ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตรวมกันอย่างน้อย 37 ราย และได้รับบาดเจ็บอีกมากกว่า 3,000 คน หลังเกิดเหตุกลุ่มฮิซบอลเลาะห์กล่าวหาอิสราเอล ว่าอยู่เบื้องหลัง.

เครดิตภาพ : AFP