สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเคียฟ ประเทศยูเครน เมื่อวันที่ 21 ก.ย. ว่าประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน กล่าวถึงการที่สหรัฐและสหราชอาณาจักรไม่อนุญาต ให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่มีพิสัยทำการระยะไกล โจมตีเป้าหมายไม่ว่าจะในรัสเซีย หรือที่มีพิสัยทำการระยะใดก็ตาม น่าจะเป็นเพราะว่า ทั้งสองประเทศ “หวั่นเกรงเกี่ยวกับความรุนแรงที่จะเพิ่มขึ้น” ซึ่งหมายถึง “การปะทะโดยตรง” กับรัสเซีย
อย่างไรก็ตาม เซเลนสกีกล่าวว่า ได้รับความสนับสนุนด้านอาวุธเพิ่มเติมจากพันธมิตรตะวันตก นับตั้งแต่ต้นเดือนก.ย. ที่ผ่านมา “ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดี”
แม้มีความพยายามของหลายฝ่าย ในการผลักดันการเจรจาเพื่อคลี่คลายสงครามที่ยืดเยื้อมานานกว่า 2 ปี แต่จนถึงตอนนี้ยังแทบไม่มีข้อเสนอของฝ่ายใดได้รับการยอมรับจากคู่กรณี คือรัสเซียและยูเครน โดยล่าสุดรัฐบาลเคียฟปฏิเสธแนวทางของจีนและบราซิล ด้วยเหตุผลว่า “เต็มไปด้วยความคลุมเครือ”
ขณะเดียวกัน เซเลนสกีแสดงความเชื่อมั่นว่า จะสามารถนำเสนอ “แผนแห่งชัยชนะ” ให้ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ร่วมพิจารณา ระหว่างเข้าร่วมการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ ( ยูเอ็นจีเอ ) ที่นครนิวยอร์ก ในสัปดาห์หน้า พร้อมทั้งแสดงความหวังว่า จะได้มีโอกาสพบกับนายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีและตัวแทนพรรครีพับลิกัน ในการเลือกตั้งวันที่ 5 พ.ย. ที่จะถึง
ทั้งนี้ ทรัมป์กล่าวมาตลอด ว่าหากได้รับการเลือกตั้งเป็นสมัยที่สอง สงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน “จะยุติภายใน 24 ชั่วโมง” แต่ยังไม่เคยมีการขยายความว่าจะทำอย่างไร และการที่อดีตผู้นำสหรัฐวิจารณ์นโยบายของรัฐบาลวอชิงตันชุดปัจจุบัน ที่จัดสรรงบประมาณมหาศาลให้กับยูเครน เพิ่มความกังวลให้กับรัฐบาลเคียฟ ว่างบประมาณส่วนนี้อาจหายไป ถ้าทรัมป์กลับมาเป็นประธานาธิบดี.
เครดิตภาพ : AFP