สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา เมื่อวันที่ 21 ก.ย. ว่า พล.อ.ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา กล่าวว่า รัฐบาลพนมเปญถอนตัวออกจากการเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่ง ของกรอบความร่วมมือครอบคลุมพื้นที่สามเหลี่ยมการพัฒนา ระหว่างกัมพูชา กับลาว และเวียดนาม (ซีแอลวี-ดีทีเอ) หรือสามเหลี่ยมพัฒนาลาว-เวียดนาม-กัมพูชา


ทั้งนี้ ผู้นำกัมพูชายืนยันว่า ได้แจ้งให้รัฐบาลของอีกสองประเทศรับทราบล่วงหน้าแล้ว พร้อมทั้งกล่าวหา “กลุ่มหัวรุนแรง” นำโครงการความร่วมมือดังกล่าวมาใช้เป็น “อาวุธทางการเมือง” เพื่อปลุกระดมให้การเกิดการลุกฮือต่อต้านภาครัฐ จากการให้ข้อมูลบิดเบือนและใส่ร้ายป้ายสี ว่ารัฐบาลกัมพูชายอมยกดินแดนบางส่วนของ 4 จังหวัดทางตะวันออกเฉียงเหนือ “ให้กับรัฐบาลต่างประเทศ”


ด้านรัฐบาลลาวและเวียดนาม ยังไม่มีความเห็นอย่างเป็นทางการ เกี่ยวกับการประกาศของกัมพูชา ซึ่งเกิดขึ้นหลังมีเหตุการณ์ประท้วงของชาวกัมพูชาในต่างแดน ไม่ว่าจะเป็นในเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส แคนาดา ออสเตรเลีย และสหรัฐ ที่พร้อมใจออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านข้อตกลงซีแอลวี-ดีทีเอ และเรียกร้องให้รัฐบาลถอนตัว


ขณะที่นับตั้งแต่เดือน ก.ค. ที่ผ่านมา ตำรวจกัมพูชาจับกุมประชาชนเกือบ 100 คน ในจำนวนนี้หลายคนยังเป็นเยาวชน ฐานเข้าร่วมการประท้วงต่อต้านรัฐบาล ในกรุงพนมเปญ ซึ่ง พล.อ.ฮุน มาเนต ประณามว่า “เป็นความพยายามแทรกแซงจากภายนอก” ที่ต้องการโค่นอำนาจรัฐบาล


อนึ่ง นักการเมืองและนักกิจกรรมฝ่ายต่อต้านรัฐบาลกัมพูชา เคลื่อนไหวมานานตั้งแต่สมัยสมเด็จฮุน เซน บิดาของ พล.อ.ฮุน มาเนต ว่ารัฐบาลกัมพูชาเตรียมสละดินแดนบางส่วนให้แก่เวียดนาม เพื่อแลกกับผลประโยชน์บางอย่าง จุดกระแสต่อต้านเวียดนามขึ้นมาเป็นระยะ


ส่วนสมเด็จฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งตอนนี้ดำรงตำแหน่งประธานวุฒิสภา กล่าวถึงการที่รัฐบาลชุดปัจจุบันถอนตัวออกจากข้อตกลงนี้ ที่ทั้งสามประเทศลงนามร่วมกัน เมื่อปี 2542 “เป็นการดับไฟอย่างสมบูรณ์แบบ”.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES