เรียกได้ว่าเป็นครอบครัวที่น่ารักและอบอุ่นอย่างมาก สำหรับครอบครัวของ “กาย รัชชานนท์” และ “ฮารุ สุประกอบ” คู่รักคนดัง ซึ่งเมื่อไม่นานนี้ เพิ่งจะผ่านวันเกิดของหนุ่มกาย อายุ 35 ปี ไปหมาดๆ ซึ่งสาวฮารุก็ได้ลงคลิปผ่านอินสตาแกรมส่วนตัว เป็นคลิปที่ลูกๆอวยพรคุณพ่อ ทำเอาคนดังและเอฟซีพากันเข้ามาร่วมอวยพรวันเกิดหนุ่มกาย และชื่นชมความน่ารักของครอบครัวนี้กันเพียบ

ล่าสุดที่งานแถลงข่าวเปิดตัวแคมเปญ “ยิ้มคนไทย ไร้ฟันผุ” กาย-ฮารุ พร้อมกับลูกๆ ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อ เกี่ยวกับวันเกิดของหนุ่มกาย พร้อมทั้งเปิดใจการขึ้นแสดงลิเกคณะ ศรราม น้ำเพชร ครั้งแรก โดยทั้งคู่ได้เล่าว่า

กาย เผยว่า “วันเกิดของผมที่ผ่านมา ก็น่ารักครับ เด็กๆ ก็มีการ์ดให้ เป็นวันเกิดง่ายๆ 35 แล้ว ตัวเองยังลืมเลยว่าวันเกิด จริงๆ ตั้งแต่คุณแม่เสีย กายก็เลยไม่ค่อยนึกถึงวันเกิดสักเท่าไหร่ เพราะคุณแม่เสียวันเดียวกันกับที่กายเกิด ก็เลยเฉยๆ มันก็ฝังใจแหละ แต่ไม่ได้เฮิร์ตนะ แค่ตอนแรกๆ ไม่รู้จะทำตัวยังไง ฉันจะต้องมีความสุขใช่ไหม หรือฉันควรจะกึ่งๆ ไว้ทุกข์ ก็เลยเฉยๆ ตั้งแต่นั้นมา จริงๆ ความสุขของกายก็มีแค่เห็นพวกเขามีความสุข แค่นั้นก็ยิ่งกว่าของขวัญวันเกิดอะไรแล้วครับ ถามว่าน้อยใจไหมที่ภรรยาไม่มีของขวัญให้ ไม่มีปัญหาเลยครับ คือวันเกิดตัวเองยังลืมเลย วันเกิดอาจจะสำคัญสำหรับบางคนเนอะ แต่สำหรับกายเฉยๆ เพราะทุกวันนี้แค่ได้ตื่นมาเห็นเขา เจอเขา พาเขาไปโรงเรียน หรือไปซ้อมบอลหลังเลิกเรียน แค่นั้นก็มีความสุขแล้ว ก็ใช้เวลาอยู่กับครอบครัวเยอะครับ เพราะเด็กเดี๋ยวนี้โตเร็วมาก คิริน 10 ขวบแล้ว เร็วมาก เหมือนเพิ่งเกิดไม่กี่เดือนที่แล้วเอง เดี๋ยวก็ต้องโตขึ้นไปเรียนไปโน่นไปนี่ เวลาตรงนั้นก็จะค่อยๆ หายไปเรื่อยๆ เพราะฉะนั้นในช่วงเวลาที่เขายังมีเวลาอยู่กับเรา เราก็อยากจะอยู่กับเขาให้มากที่สุด ซึ่งเราจะอยู่ถึงขนาดนั้นหรือเปล่าก็ไม่รู้ อะไรก็เกิดขึ้นได้นะเดี๋ยวนี้ ถามว่าวางแพลนให้ลูกไปอยู่เมืองนอกเลยไหม มันก็มีสิทธิหมดแหละครับ ในบางอย่างที่เขาอยากจะทำ บางทีการไปอยู่ต่างประเทศ มันอาจจะซัพพอร์ตตรงนั้นได้ดีกว่า ก็อาจจะ แต่เราก็ไม่มีทางรู้ว่าจะยังไง”

ฮารุ เผยว่า “วันเกิดพี่กาย ฮารุไม่มีอะไรให้เขาเลย เพราะพูดดักไว้นานแล้ว คือคิรินเกิดวันที่ 6 เราก็จะไปตื่นเต้นกับวันเกิดลูก เตรียมเค้กนั่นนี่ พอหลังวันที่ 6 ก็วันเกิดพี่กายต่อ ก็เลยบอกพี่กายว่าวันเกิดปีนี้ไม่รู้จะทำอะไรให้นะ ก็พูดดักไว้ก่อน พอมีลูกวันเกิดลูกก็จะสำคัญกว่าวันเกิดเราเสมอ ส่วนมากวันเกิดพี่กาย ตอนเช้าเราก็จะไปวัด ไปทำบุญ เพราะตรงกับวันที่คุณแม่เสียพอดี หลังจากนั้นก็จะเรียบง่ายค่ะ ซึ่งในตอนนี้เด็กๆ โตเร็วมาก อยากใช้เวลาอยู่กับครอบครัว เราไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าอีก 10 ปีให้หลังมันจะเป็นยังไง อาจจะครึ่งทางที่ลูกไปอยู่เมืองนอกแล้วหรือเปล่า ก็เลยอยากใช้ทุกเวลาให้มันคุ้มก่อน เพราะช่วง 10-20 เขาอาจจะไปเมืองนอกหรืออาจจะอยู่กับเรา 20-30 อาจจะมีครอบครัวแล้วก็ได้ ก็เป็นช่วงเวลาแค่ 10 ปีนี้เท่านั้น”

ฮารุ เผยต่อว่า “ในส่วนที่ได้ลองไปเป็นนางเอกลิเกให้คณะศรราม น้ำเพชร ไปขอเขาเล่นค่ะ เพราะรู้จักกับพี่ศรราม น้ำเพชร อยู่แล้ว พอคุยกันเขาก็ชวนว่ามาเล่นไหม ก็เลยขอไปเล่นหน่อย เพราะไม่เคยเลย ครั้งแรกเลยที่เล่นลิเก และปกติอย่างเราเล่นละครหรืออะไร เราจะได้อ่านบท เรารู้เรื่องราวก่อน แต่ครั้งนี้เป็นการเล่นลิเกที่ไปดูกันหน้างาน เพราะไปยืนอยู่ข้างเวทีแล้วยังไม่มีบทเลย ไม่รู้เรื่องอะไรเลย บอกเลยว่าสอบไม่ผ่านค่ะ ส่วนเรื่องแต่งองค์ทรงเครื่องครบค่ะ เป็นชุดของเขาเลย แต่งหน้าทำผมก็เป็นทีมศรราม น้ำเพชร เลย ทุกบทที่เขาพูดก็คือมากระซิบข้างๆ แล้วเราพูดตาม ก็คือก๊อบปี้โชว์ได้เลย แค่เสียงไม่ใช่แค่นั้น ถามว่าจะมีโอกาสไปอีกไหม คิดว่าเขาไม่น่าให้ไปแล้วล่ะค่ะ (หัวเราะ) แต่ฮารุเคยดูลิเกนะ แต่พี่กายไม่เคยดู ลิเก หมอลำ ฮารุดูอยู่แล้ว ล่าสุดก็เพิ่งไปหมอลำมาเหมือนกัน ฮารุว่ามันเป็นความบันเทิงอีกรูปแบบหนึ่ง”

กาย เผยว่า “ในส่วนที่ได้ลองไปเล่นลิเกคืองงครับ คือทุกคนรู้ว่าเขาต้องทำอะไร สมมุติวันนี้เล่นเรื่องหนึ่ง พรุ่งนี้เล่นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ทุกคนรู้ทุกเรื่อง 200-300 เรื่อง แต่เราไม่เคยดูลิเกมาก่อนเลยมาก่อนในชีวิต เขาก็บอกว่าง่ายๆ (หัวเราะ) ในมุมของฮารุเสียงดีอยู่แล้วไง จริงๆ ไม่ใช่ว่าไม่อยากให้ฮารุไปนะ แต่ลิเกเป็นอะไรที่อยากให้ยกระดับกว่านี้ คือลิเกเป็นศิลปะของคนไทยมานานแสนนาน แล้วมันก็ค่อยๆ หายไป ซึ่งกายคิดว่าอย่างญี่ปุ่น อินเดีย หรือประเทศไหน เขาก็จะพยายามอนุรักษ์อะไรตรงนี้เอาไว้ แล้วกายว่ามันเจ๋งมาก มันมีเอกลักษณ์ของมัน มันมีทั้งคุย ทั้งร้อง มีมุก ชุดอีก มันสนุกมากเลยนะ ถ้ามีเป็นแบบโรงละครเลย แล้วทำดีๆ เชื่อไหมว่าฝรั่งเต็ม ทำเป็นทั้งไทย ทั้งอังกฤษ มันจะดีมากๆ”

ฮารุ ก็เสริมต่ออีกว่า “ที่มันหายไปส่วนหนึ่ง อาจจะด้วยความนิยมของคนที่น้อยลง แต่อีกส่วนหนึ่งเราบูลลี่กันเอง เราบูลลี่วัฒนธรรมเรากันเอง น่าเบื่อโน่นนี่นั่น แต่ถ้าเราเปิดใจนะ ถ้าเราไม่บูลลี่กันเอง เราไม่ด้อยค่าศิลปวัฒนธรรมไทยเรา ฮารุว่ามันไปได้อีก และได้แรงสนับสนุนจากทุกภาคส่วน มันจะไปได้ไกล ไม่ใช่แค่ลิเกนะคะ”

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก harusuprakob