เมื่อวันที่ 20 ก.ย. 67 ที่รัฐสภา นายจุลพงศ์ อยู่เกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน กล่าวภายหลังที่นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.การต่างประเทศ แถลงวิสัยทัศน์ นโยบายเกี่ยวกับการต่างประเทศ ว่า ตนผิดหวังในคำแถลงของนายมาริษ เพราะ 10 กว่าเรื่องที่แถลงนั้น ควรเป็นพันธกิจมากกว่าเป็นวิสัยทัศน์ ซึ่งพันธกิจในเรื่องที่ฝ่ายปฏิบัติงานหรือข้าราชการประจำต้องทำอยู่แล้วหากท่านสั่งการ แต่อย่าลืมว่าขณะนี้ท่านไม่ใช่ข้าราชการประจำ ที่จะต้องปฏิบัติตามคำสั่งของรัฐมนตรี หรือท่านกำลังสับสนคำว่าวิสัยทัศน์ กับคำว่าพันธกิจ

นายจุลพงศ์ กล่าวว่า สิ่งที่ตนขอเรียกว่าพันธกิจ 10 กว่าเรื่องที่แถลง ตนขอยกตัวอย่างมาแสดงความคิดเห็นว่า ท่านขึ้นต้นว่าประเทศไทยได้รับการยอมรับทั้งการเมืองและเศรษฐกิจมากขึ้นจากผลงานของรัฐบาลชุดที่แล้ว ตนจึงขอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศคนใหม่พิสูจน์งานแรก ว่านานาชาติยอมรับการเมืองของไทยมากขึ้นหรือไม่ คือผลการเสนอตัวแทนประเทศไทยเข้าชิงเก้าอี้ในคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ที่กำลังจะมีการลงคะแนนเสียงทราบสมาชิกในปลายเดือน ต.ค. นี้ และตนทราบว่าประเทศไทยกำลังจะหมดหวังในเก้าอี้ตัวนี้ นอกจากนี้กระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐอเมริกา กำลังจะออกรายงานประจำปีด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทยออกมาใหม่ ตนทราบมาว่ารายงานด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทยในรายงานฉบับใหม่ยังดีกว่าปีก่อน และเรายังมีปัญหาด้านสิทธิมนุษยชนในหลายเรื่อง

นายจุลพงศ์ กล่าวต่อว่า การไม่ประกาศให้ชัดเจนของรัฐบาลชุดนี้ ถึงนโยบายการจัดตั้งระเบียงสิทธิมนุษยชนตามแนวชายแดนไทย-เมียนมา ที่ริเริ่มในอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศคนที่แล้ว ทำให้ไม่มีความชัดเจนในด้านการดำเนินนโยบายด้านสิทธิมนุษยชนของไทยในมุมมองนานาชาติ และตนแปลกใจว่าทำไมในคำแถลงของ รมว.การต่างประเทศ จึงไม่มีเรื่องวีซ่าฟรีกับสหภาพยุโรปหรือวีซ่าเชงเก้น ทั้งๆ ที่นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี คุยไว้เยอะแล้ว รมว.การต่างประเทศคนนี้ บอกจะสานต่อนโยบายของรัฐบาลชุดก่อน ตอนนี้เรื่องนี้หายไปไหน หรือว่าเขาปฏิเสธมาแล้วแบบนิ่มๆ.