สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากเมืองซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 20 ก.ย. ว่า รายงานที่อ้างอิงจากแบบสอบถามที่จัดทำเมื่อเกือบ 4 ปีที่แล้ว ซึ่งมุ่งเป้าไปที่บริษัทสื่อสังคมออนไลน์ 9 แห่ง พบว่า บริษัทเหล่านี้รวบรวมข้อมูลจำนวนมาก หรือได้รับจากนายหน้าข้อมูลในบางครั้ง และเก็บรักษาข้อมูลที่รวบรวมเกี่ยวกับผู้ใช้งาน และผู้ไม่ใช้งานแพลตฟอร์มของพวกเขาอย่างไม่มีกำหนด
“รายงานเปิดเผยให้เห็นถึงวิธีที่บริษัทสื่อสังคมออนไลน์ และการสตรีมมิงคลิปวิดีโอ รวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของชาวอเมริกันจำนวนมหาศาล และสร้างรายได้จากข้อมูลข้างต้น เป็นมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี” นางลินา ข่าน ประธานของเอฟทีซี กล่าว
อนึ่ง รายงานระบุเสริมว่า โมเดลธุรกิจที่มักเกี่ยวข้องกับการโฆษณาแบบกำหนดเป้าหมาย กระตุ้นให้มีการรวบรวมข้อมูลผู้ใช้งานจำนวนมาก ในบริษัทหลายแห่ง
ขณะที่ ข่าน กล่าวเพิ่มเติมว่า แม้แนวทางการเฝ้าติดตามเหล่านี้จะสร้างผลกำไรให้แก่บริษัทต่าง ๆ แต่ในขณะเดียวกัน มันก็อาจเป็นอันตรายต่อความเป็นส่วนตัวของผู้คน, คุกคามเสรีภาพ และทำให้พวกเขาเผชิญกับอันตรายมากมาย ตั้งแต่การขโมยข้อมูลส่วนบุคคล ไปจนถึงการสะกดรอยตาม
นอกจากนี้ รายงานยังระบุว่า บริษัทหลายแห่งประสบความล้มเหลวในการปกป้องเด็กและวัยรุ่นทางออนไลน์อย่างเหมาะสม และพบว่าหลายแพลตฟอร์ม เป็นอันตรายต่อสุขภาพจิตของผู้ใช้งานที่เป็นเยาวชนด้วย พร้อมกับเรียกร้องให้บริษัทสื่อสังคมออนไลน์ ควบคุมแนวทางการรวบรวมข้อมูล และขอให้สภาคองเกรส ผ่านกฎหมายความเป็นส่วนตัวที่ครอบคลุมของรัฐบาลกลาง เพื่อจำกัดการเฝ้าติดตามผู้ใช้งานแพลตฟอร์ม.
เครดิตภาพ : AFP