สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 19 ก.ย. ว่า รายงานของสถาบันวิจัยด้านพลังงาน เอ็มเบอร์ เปิดเผยว่า อุตสาหกรรมพลังงานปีนี้โตขึ้นร้อยละ 29 เมื่อเทียบกับปี 2566 และยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง หลังคาดว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 87 เมื่อปีที่แล้ว
“พลังงานแสงอาทิตย์เติบโตเร็วกว่าที่ผู้คนคาดไว้อีกครั้ง เนื่องจากเป็นแหล่งพลังงานไฟฟ้าราคาถูกที่สุด” นายยูอัน เกรแฮม นักวิเคราะห์ข้อมูลไฟฟ้าของเอ็มเบอร์ กล่าว
มีการคาดการณ์ว่า การขยายกำลังการผลิตพลังงานแสงอาทิตย์ในปี 2567 เพียงปีเดียว จะสูงกว่าการเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าจากถ่านหิน 540 กิกะวัตต์ทั่วโลก ตั้งแต่ปี 2553 โดยมีจีนเป็นผู้นำในภาคส่วนนี้ ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าจากถ่านหินได้ 334 กิกะวัตต์ หรือคิดเป็นร้อยละ 56 ของกำลังการผลิตไฟฟ้าจากถ่านหินทั้งหมดทั่วโลก ในปี 2567
ตามมาด้วยสหรัฐ, อินเดีย, เยอรมนี และบราซิล ซึ่งกำลังการผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ของทั้ง 5 ประเทศดังกล่าว คิดเป็นร้อยละ 75 ของกำลังการผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ใหม่ในปีนี้
รายงานระบุว่า กำลังการจ่ายไฟฟ้าและแบตเตอรี่สำรองเป็นปัจจัยสำคัญให้กับการรักษาการเติบโตในภาคส่วนนี้ “เนื่องจากพลังงานแสงอาทิตย์มีราคาถูกลง และเข้าถึงได้มากขึ้น การรับประกันกำลังของเครือข่ายจ่ายไฟ และการพัฒนาแบตเตอรี่สำรองจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง ให้สามารถจ่ายและสำรองพลังงานแสงอาทิตย์ในเวลาที่ไม่มีแดดจัด”
ทั้งนี้ การเร่งแก้ไขปัญหาดังกล่าว และการเติบโตอย่างยั่งยืน จะช่วยให้อุตสาหกรรมพลังงานแสงอาทิตย์ ขยายตัวเกินความคาดหมายในช่วงที่เหลือของทศวรรษนี้.
เครดิตภาพ : GETTY IMAGES