เมื่อวันที่ 19 ก.ย. ที่รัฐสภา ในการชี้แจงกระทู้ถามแยกต่อสภาผู้แทนราษฎร โดยมีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ทำหน้าที่ประธาน โดยนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข  ได้ชี้แจงกระทู้ถามของ นายประสิทธิ์ ปัทมผดุงศักดิ์ สส.ปทุมธานี พรรคประชาชน  เรื่อง แนวทางการแก้ไขโรคไตเสื่อมในวัยรุ่น ที่เกิดจากการบริโภคใบกระท่อมและน้ำกระท่อม  

โดยนายสมศักดิ์ ชี้แจงว่า ขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานทางการแพทย์ที่ชัดเจนบ่งบอกว่าการดื่มน้ำใบกระท่อมทำให้เกิดไตวาย เนื่องจากคนที่มีภาวะไตวายกับมีประวัติการดื่มน้ำกระท่อมเกือบทุกคนมีการใช้ยาเสพติดและสารเคมีอื่นร่วมด้วย การศึกษาพบว่าการรับสารเกินขนาดทำให้เกิดกล้ามเนื้อสลาย และทำให้การทำงานของไต ตับ ล้มเหลวตามมาได้ รวมถึงการศึกษาที่แสดงให้เห็นว่าการใช้ใบกระท่อมเป็นระยะ 11 ปี จำนวน 88 คน เทียบกับกับปกติ 83 คน อาจทำให้โปรตีนรั่วทางปัสสาวะ ซึ่งบ่งบอกว่าการทำงานผิดปกติแต่ไม่เกิดกับไตหรือไตวาย นอกจากนี้จำนวนผู้ที่ป่วยไตวายในช่วงวัยรุ่นไม่ได้เพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา  ส่วนข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับโรคไตในวัยรุ่น ไตอักเสบ อาจมาจากการได้รับสารเคมีที่เป็นพิษกับตับ ไต เช่น การใช้ยาไม่ถูกวิธี กลุ่มยาแก้ปวดไอบูโพรเฟน ไดโคลฟีแนคขนาดสูงและต่อเนื่องหลายสัปดาห์ โรคพันธุกรรมบางชนิด

ส่วนคำถามกรณี กระทรวงสาธารณสุขมีแนวทางการขยายจำนวนและกระจายศูนย์ให้บริการการฟอกไตเพื่อลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปฟอกไตให้ประชาชนในพื้นที่ทั่วประเทศไทยหรือไม่ อย่างไร นายสมศักดิ์ กล่าวว่า การฟอกไตปริมาณมากขึ้นอย่างน่าตกใจ ปัจจุบันมีศูนย์ฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมจำนวนทั้งสิ้น 1,100 แห่ง ทั้งในโรงพยาบาลรัฐและเอกชน ครอบคลุม 12 เขตสุขภาพ กระจายทุกจังหวัด รวมถึงมีอายุรแพทย์โรคไตทุกเขตสุขภาพ ขยายบริการฟอกไตในโรงพยาบาลชุมชนแม่ข่าย โดยมีแผนเพิ่มการผลิตพยาบาลผู้เชี่ยวชาญด้านไตเทียม รองรับการขยายตัวของแผนการมีหน่วยไตเทียมในโรงพยาบาลชุมชนแม่ข่ายที่รับผิดชอบ   ประชากรมากกว่า 50,000 คน เพื่อกระจายการบริการให้ครอบคลุมทั่วทุกพื้นที่ และทำให้เกิดระบบส่งต่อแบบไร้รอยต่อ เป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนในการเดินทางไปฟอกไต และมีโครงการเพิ่มการปลูกถ่ายไต โดยทำงานร่วมกับมหาวิทยาลัยต่างๆ จะประหยัดค่าใช้จ่ายเป็นจำนวนมาก

รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า ทั้งนี้ การฟอกไตโดยไปที่ศูนย์ และการล้างไตทางช่องท้อง ใช้งบประมาณปีละ 2.5 หมื่นล้านบาท–3.1 หมื่นล้านบาท นี่คือปัญหาของโรคไม่ติดต่อเรื้อรังหรือ NCDs ใช้งบประมาณมากที่สุด 1.3 แสนล้านบาท อย่างไรก็ตามยังพบสาเหตุโรคไตวายเรื้อรังเกิดจากเบาหวานและความดันโลหิตถึง ร้อยละ 60  กระทรวงฯ กำลังจะทำโครงการอาสาสมัครประจำหมู่บ้าน (อสม.) ช่วยสังคมไทยห่างไกล NCDs ซึ่งกระจายทั่วประเทศ.