เมื่อเวลา 16.10 น. วันที่ 18 ก.ย. ที่วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) ถนนวิภาวดีรังสิต กรุงเทพฯ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึงแนวทางของพรรคเพื่อไทยในการส่งตัว พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เป็นหนึ่งในผู้ต้องหาคดีตากใบให้กับเจ้าพนักงาน ว่า เรื่องใดที่เป็นคดีความก็ตามเราต้องเคารพกระบวนการยุติธรรมไม่ว่าจะเป็นเอกชน หรือข้าราชการ หรือใครก็ตาม ก็ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแต่การเข้าสู่กระบวนการนั้น ก็ยังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ทุกคน จนกว่าศาลจะตัดสินคดีเป็นที่สิ้นสุด 

เมื่อถามถึงกระแสเรียกร้องของภาคประชาชนในการให้ พล.อ.พิศาล เข้ามามอบตัวนั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า ตนยังไม่พบท่าน ถ้าได้พบก็จะพูดคุยปรับทุกข์กันว่า ในการปฏิบัติหน้าที่ครั้งนั้นเป็นยังไงบ้าง เพราะไม่มีใครรู้เท่ากับท่านที่อยู่ ณ ที่นั้นและตัดสินใจ ณ ตอนนั้น ถือเป็นเรื่องที่ต้องให้ท่านชี้แจงเอง ไม่เหมาะที่ใครจะไปชี้แจงแทนได้

เมื่อถามว่าจะขอให้มาพบเจ้าพนักงานหรือไม่นั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่เจอท่าน ซึ่งธรรมชาติของมนุษย์ การปรับทุกข์ก็เป็นเรื่องการพูดคุย ในเรื่องที่คุยกันได้ ไม่ใช่เป็นการตั้งเป้าเอาความผิดไปให้หรือการไปสอบสวนท่าน  ทั้งนี้เป็นเรื่องที่เราควรเข้าใจคนทำงานและหาจุดที่ดีที่สุดที่จะเดินหน้าต่อไป

เมื่อถามต่อว่ามีการมองว่า พล.อ.พิศาลเป็นเตรียมทหารรุ่นพี่ของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ จะมีผลทำให้กระบวนการยุติธรรมสะดุดหรือไม่นั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า ในส่วนของตนไม่ได้เป็นเลขาธิการพรรค และ กรรมการบริหารพรรคอยู่แล้ว แต่ในกระบวนการพรรคเพื่อไทยหรือพรรคการเมืองไหนก็ตาม มีหน้าที่ส่งเสริมให้กระบวนการยุติธรรมทำตามสิ่งที่ถูกต้อง ในรายละเอียดเราไม่สมควรไปวิพากษ์วิจารณ์ ถ้าไม่ทราบเรื่องจริง เพราะการวิจารณ์มากโดยที่ไม่รู้ข้อเท็จจริงอาจจะมีผลต่อสังคมในการที่ผู้ถูกกล่าวหาเสียหาย เมื่อเรื่องเกิดขึ้นก็ควรให้โอกาสเจ้าตัวเป็นผู้ชี้แจง

เมื่อถามว่ามีการมองว่าเรื่องดังกล่าวแม้จะเกิดช่วงรัฐบาลไทยรักไทย แต่อาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของพรรคเพื่อไทยนั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า  คงไม่มีผลกระทบเพราะเราเคารพการตัดสินใจของศาลอยู่แล้ว และที่ผ่านมา รัฐบาลหลังจากนั้นก็มีการตัดสินใจ ในการดูแล เยียวยาไปพอสมควรแล้ว แต่ถ้ายังเป็นประเด็นใหม่ที่อยากจะร้องก็ค่อยว่าไปตามกระบวนการว่ามีเหตุมีผลอย่างไรและศาลจะเป็นผู้วินิจฉัย

“ผมเชื่อว่าการดำเนินการของทุกฝ่ายและทุกคนไม่ได้ตั้งใจให้เกิดโศกนาฏกรรมหรือปัญหา เพราะทุกคนตั้งใจทำตามหน้าที่ แต่เวลาชุลมุนก็อาจเกิดอะไรที่เกินเลยหรือหนักไปบ้าง ก็เป็นเรื่องธรรมดา ซึ่งก็ว่ากันไปตามกฎหมายถ้าเห็นว่าเกินขอบเขต” นายภูมิธรรม กล่าว.