เมื่อวันที่ 16 ก.ย. นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.การต่างประเทศ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นขณะนี้ และส่งผลกระทบกับประเทศไทย เมียนมา สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) และเวียดนามนั้น ตนได้หารือกับสถานเอกอัครราชทูตไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างๆ ตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อเร่งประสานงานกับฝ่ายเมียนมา เกี่ยวกับสถานการณ์น้ำท่วมที่ไทยและเมียนมากำลังประสบภัยอยู่ รวมถึงเพื่อหารือถึงความร่วมมือกันกันในรายละเอียดด้านเทคนิค ว่ามีพื้นที่ใดสามารถขยายให้เป็นพื้นที่รองรับน้ำได้อีก เพื่อบรรเทาปัญหาน้ำท่วมภาคเหนือของไทย ตามข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี ซึ่งขณะนี้สถานการณ์น้ำท่วมในเมียนมาก็หนักอยู่มาก เนื่องจากพายุและน้ำหลากจากที่สูง ไหลลงสู่แม่น้ำสาละวินเช่นกัน

รมว.การต่างประเทศ กล่าวอีกว่า สถานการณ์น้ำเป็นวิกฤติของทุกประเทศในกลุ่มลุ่มแม่น้ำโขง ซึ่งตนได้ทราบด้วยว่า สถานการณ์อุทกภัยในเมืองท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ครั้งนี้ ร้ายแรงที่สุดในรอบ 30 ปี ซึ่งแม้ขุดลอกท่อและเก็บกวาดขยะออกไปก่อนฤดูฝนแล้ว แต่ด้วยสถานการณ์ที่มีฝนตกหนัก ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันบริเวณแม่น้ำสาย อีกทั้งมีสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำแม่น้ำสายในหลายพื้นที่ ทั้งจากฝ่ายไทยและฝ่ายเมียนมา ทำให้ความกว้างของแม่น้ำสายแคบลง และเกิดการตื้นเขิน ซึ่งเป็นการซ้ำเติมปัญหาการระบายน้ำในแม่น้ำสายมากขึ้น ดังนั้น ในระยะยาว ตนได้เตรียมเสนอความร่วมมือด้านการบริหารจัดการน้ำผ่านกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง (เอ็มแอลซี) ต่อไปด้วย

นายมาริษ กล่าวว่า ตนแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้เสียชีวิตและผู้ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ทั้งในไทย เมียนมา สปป.ลาว และเวียดนาม รวมถึงขอเป็นกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในการช่วยเหลือผู้ประสบภัย และขอให้สถานการณ์คลี่คลายสู่สภาวะปกติโดยเร็วที่สุด