เมื่อวันที่ 15 ก.ย. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. สั่งการให้ พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น., พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น., พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รอง ผบก.สส.บช.น., พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น., พ.ต.ท.เอกศิษฐ์ วรกิตติ์ฐากรณ์ รอง ผกก.สส.1 บก.สส.บช.น., พ.ต.ท.มาโนชย์ ทองแก้ว รอง ผกก.กก.สส.บก.น.5, พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ สว.กก.สส.3 บก.สส.บช.น., พ.ต.ต.วศิน อินทร์แก้ว สว.ฝอ.บก.สส.บช.น., ร.ต.อ.ศิวัช ยังอุ่น รอง สว.กก.สส.4 บก.สส.บช.น., ร.ต.อ.วรภัทร แสงเทียนประไพร รอง สว.กก.2 บก.สส.ภ.2, ร.ต.อ.พลวัต นาคถมยา รอง สว.กก.สส.1 บก.สส.บช.น. ร่วมจับกุมตัว นายอนณ หรือนายทศกัณฑ์ หรือเจมส์ อายุ 32 ปี (สงวนนามสกุล) ผู้ต้องหาตามหมายจับ 4 หมายจับศาลจังหวัดธัญบุรี จ.641/2567 ลงวันที่ 19 ส.ค. 67 ข้อหา “ข่มขืนกระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีซึ่งมิใช่ภริยาของตนโดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตามและเป็นการกระทำต่อผู้สืบสันดาน”, ศาลแขวงปทุมวันที่ จ.114/2566 ลงวันที่ 6 พ.ย. 66 ข้อหา “ฉ้อโกง”, ศาลอาญากรุงเทพใต้ที่ จ.365/2566 ลงวันที่ 1 พ.ค. 66 ข้อหา “ฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น” และศาลแขวงสมุทรปราการที่ จ.75/2566 ลงวันที่ 28 เม.ย. 66 ข้อหา “ความผิดตาม พ.ร.บ.เช็คฯ” โดยจับกุมได้ที่บ้านเช่าชะอำ-หัวหิน เลขที่ 1214/7 ต.ชะอำ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี

การจับกุมครั้งนี้ เด็กสาววัย 14 ปี ถูกผู้ต้องหาซึ่งเป็นพ่อแท้ๆ จับขังบังคับขืนใจ นานกว่า 7 วัน 7 คืนและบันทึกภาพ จนเด็กนั่งกอดเข่าร้องไห้อยู่ข้างเตียงภายในบ้านพัก โดยเหตุเกิดช่วงระหว่างวันที่ 31 ก.ค.-7 ส.ค. 67 นอกจากนี้ผู้ต้องหายังตระเวนก่อเหตุลักโทรศัพท์มือถือ โดยใช้วิธีการลวงให้มาส่งของผ่านบริการรถรับจ้าง Grab แล้วใช้จังหวะลักโทรศัพท์ มีเหยื่อเป็นจำนวนมาก ก่อเหตุต่อเนื่องหลายคดีในพื้น สน.ปทุมวัน, สน.ทองหล่อ และ สน.หัวหมาก จนถูกออกหมายจับ

ต่อมาชุดสืบสวนแกะรอยติดตามจับกุมตัว จนกระทั่งไปพบกับบุตรสาวของผู้ต้องหา วัย 14 ปี จนมาทราบจากเด็กสาวว่า คนร้ายเป็นพ่อแท้ๆ ของเธอ โดยในห้วงปลายเดือน ก.ค. 67 ระหว่างที่เธอนั่งบนรถยนต์กับพ่อ พ่อได้ชักชวนเธอให้ทำหนังผู้ใหญ่หรือที่เรียกว่า OnlyFan โดยได้พาเธอไปฉีดยาคุมที่คลินิกย่านทุ่งครุ ก่อนจะพาตัวเข้าไปในบ้านพักย่านคลองหลวง เธอพยายามขัดขืน แต่พ่อได้ข่มขู่พร้อมกับยึดโทรศัพท์ ก่อนจะขังเธอไว้ในบ้านพักจากนั้นได้เริ่มลงมือข่มขืนเธอกว่า 7 วัน 7 คืน ซ้ำยังออกไปตระเวนหาคนเพื่อให้มาข่มขืนเธอเพื่อจะถ่ายคลิป 18+ และพ่อยังเรียกภรรยา (คนใหม่) พร้อมกับชายแปลกหน้าที่หามาให้ เพื่อมาร่วมถ่ายคลิปพร้อมกับเธอ และเธอถูกกระทำชำเราทุกวันจนทนไม่ไหวแล้ว จึงพยายามหลบหนีโดยสบโอกาสแอบเอาโทรศัพท์ทักไปบอกญาติ แต่ถูกจับได้ และถูกผู้ต้องหาทำร้ายตบตี และข่มขู่ท้าทายว่าไม่กลัวตำรวจ ถ้ามาจะเอาขวานฟันให้หัว ภายหลังเด็กหนีออกมาได้ จึงเข้าแจ้งความ และศาลจังหวัดธัญบุรี ได้อนุมัติหมายจับแล้วในข้อหา ข่มขืนฯ ก่อนคนร้ายไหวตัวทันลบหลักฐานจากกล้องวงจรปิดในบ้านและหลบหนีไป

พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. จึงส่งชุดสารวัตรแจ๊ะ ติดตามไล่ล่าพบว่าหลบหนีไปอยู่บ้านเช่า พื้นที่ชะอำ จ.เพชรบุรี จึงเข้าจับกุม โดยขณะจับกุมพบว่าอยู่กับแฟนสาวภายในบ้านพัก พร้อมปฏิเสธเสียงแข็งกับชุดสืบสวน ว่าไม่ได้ลงมือข่มขืนบุตรสาวตัวเองและไม่ได้ทำเว็บโป๊ แต่เมื่อเค้นสอบขยายผล จนได้ข้อมูลว่าคนร้ายรายนี้วางแผนร่วมกับแฟนสาวลงมือทำมิดีมิร้ายกับบุตรสาวจริง ทั้งการแอบวางยาและวางแผนการอื่นๆ และยังพบว่าผู้ต้องหาเปิดเป็นแอดมินกลุ่มลับ “มิกิ” ไลฟ์สดโป๊เปลือยแนววิปริต

โดยตระเวนให้แฟนของตัวเองไปนอนกับชายอื่นแล้วถ่ายไลฟ์สดจำนวนมาก นอกจากนี้ยังพบข้อความแชตการวางแผนของคนร้ายที่จะให้ชายอื่นมามีเพศสัมพันธ์กับบุตรสาวตัวเอง และยังพบหลักฐานการแบล็กเมล์ หลอกให้เด็กสาววัย 15 ปี ถ่ายโป๊แล้วขู่เอาเงินเป็นจำนวน 5,000 บาท

สอบสวนนายอนณ (สงวนนามสกุล) หรือ “เจมส์ทศกัณฑ์” ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า ตนเองไม่ได้ทำหนังโป๊ แต่ที่ตำรวจพบคือการไลฟ์สดการมีเพศสัมพันธ์ ส่วนที่บุตรสาวแท้ ๆ ของตนไปแจ้งความเพราะว่าตนไม่ยอมซื้อโทรศัพท์ไอโฟนให้ลูก ลูกเลยไปแจ้งความดำเนินคดี ส่วนที่ย้ายที่อยู่บ่อย ๆ ไม่ได้เป็นการหลบหนี แต่เพราะต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย จึงเปลี่ยนที่อยู่ ยอมรับว่าทำคลิปโป๊จริง โดยจะให้แฟนคนปัจจุบันเป็นนักแสดงหลัก ตระเวนหาชายอื่นและโลเคชั่นอื่นๆ เพื่อถ่ายทำ บางครั้งก็ให้ชายแปลกหน้า 2 คน มามีเพศสัมพันธ์กับแฟนตัวเอง โดยยอมรับว่าเป็นรสนิยมทั้งตนและแฟน แต่ยังปฏิเสธว่าไม่ได้ทำเช่นนี้กับบุตรสาวตัวเอง เป็นเพราะเด็กกุเรื่องขึ้นมาเอง

จากการตรวจสอบพบประวัติคดีอาญา 7 คดี

1.วันที่ 21 มี.ค. 63 ถูกดำเนินคดีข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกง” พื้นที่ สภ.ผึ่งแดด จ.มุกดาหาร
2.วันที่ 16 ก.ค. 65 ถูกจับกุมข้อหา “ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน” พื้นที่ สภ.บางพลี จ.สมุทรปราการ
3.วันที่ 29 ธ.ค. 65 ถูกดำเนินคดีข้อหา “ฉ้อโกง” พื้นที่ สน.ปทุมวัน
4.วันที่ 15 ก.พ. 66 ถูกดำเนินคดีข้อหา “ฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น” พื้นที่ สน.ทองหล่อ
5.วันที่ 30 มี.ค. 66 ถูกดำเนินคดีข้อหา “ความผิดตาม พ.ร.บ.เช็คฯ” พื้นที่ สภ.บางพลี จ.สมุทรปราการ
6.วันที่ 7 เม.ย. 66 ถูกดำเนินคดีข้อหา “ฉ้อโกง, นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ฯ” พื้นที่ สน.หัวหมาก
7.วันที่ 31 ก.ค. 67 ถูกดำเนินคดีข้อหา “ข่มขืนกระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีและเป็นการกระทำต่อผู้สืบสันดาน” พื้นที่ สภ.คลองหลวง จว.ปทุมธานี เบื้องต้นจึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.คลองหลวง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ด้าน พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวว่า เราไม่ปักใจเชื่อในคำให้การของผู้ต้องหา เพราะจากการขยายผลพบพยานหลักฐานสอดคล้องไปทางคำให้การของฝ่ายผู้เสียหาย อีกทั้งยังพบหลักฐานการทำลายพยานหลักฐานและการหลบหนีของผู้ต้องหา และยังพบพยานหลักฐานที่เป็นความผิดอีกหลายข้อหา โดยยังพบว่ามีเด็กสาววัย 15 ปี กำลังตกเป็นเหยื่อการแบล็กเมล์ของคนร้ายอีกด้วย ซึ่งเราจะมีการขยายผลให้ถึงที่สุด และจะมีการแจ้งความดำเนินคดีเพิ่มเติมกับผู้ต้องหารายนี้ต่อไป.