สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร เมื่อวันที่ 14 ก.ย. ว่า การประกาศดังกล่าวเกิดขึ้น หลังนายกรัฐมนตรี เซอร์ เคียร์ สตาร์เมอร์ ให้คำมั่น ว่าจะปฏิรูประบบบริการสุขภาพแห่งชาติ (เอ็นเอชเอส) อย่างจริงจัง
นายแอนดรูว์ กวินน์ รมช.สาธารณสุข กล่าวต่อรัฐสภาว่า เด็กมากกว่า 1 ใน 5 คนในอังกฤษ มีน้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วน เมื่อเริ่มขึ้นชั้นประถมศึกษา ในวัยประมาณ 4-5 ขวบ และตั้งแต่วัย 11 ขวบเป็นต้นไป ตัวเลขดังกล่าวจะมากกว่า 1 ใน 3 “ข้อจำกัดเหล่านี้จะช่วยปกป้องเด็ก ๆ จากอาหาร และเครื่องดื่มที่ไม่ดีต่อสุขภาพ ซึ่งมีอิทธิพลต่อการเลือกอาหารการกินของเขา ตั้งแต่อายุยังน้อย” เขากล่าว
ทั้งนี้ การโฆษณาอาหารที่มีมัน หวาน หรือเค็มเกินไป จะถูกห้ามก่อนเวลา 21.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ทั้งทางโทรทัศน์และช่องทางออนไลน์ทั้งหมด
นโยบายดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากพรรคอนุรักษนิยม ในยุครัฐบาลของนายบอริส จอห์นสัน แต่มีการเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด เพื่อให้ผู้ผลิตมีเวลาปรับตัวมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ผู้สนับสนุนพรรคอนุรักษนิยม วิพากษ์วิจารณ์การเคลื่อนไหวดังกล่าวว่า เป็นการโจมตีเสรีภาพส่วนบุคคล ขณะที่หนังสือพิมพ์เดลีเมล์ รายงานว่า “เคียร์ สตาร์เมอร์ เปิดศักราชใหม่ของการเป็นผู้บงการชีวิตประชาชน ด้วยการเปิดเผยแผนการห้ามโฆษณาอาหารขยะ”
ขณะเดียวกัน รัฐบาลชุดปัจจุบันของ เซอร์ สตาร์เมอร์ จากพรรคแรงงาน มีแผนการอื่น ๆ เพื่อบรรเทาความตึงเครียดของระบบสาธารณสุข เช่น การห้ามเครื่องดื่มชูกำลังที่มีน้ำตาล และกาเฟอีนสูงสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 16 ปี
ด้านศูนย์วิจัยเยาวชน เซ็นเตอร์ ฟอร์ ยัง ไลฟ์ส เรียกร้องให้รัฐบาลเพิกเฉยต่อผู้วิพากษ์วิจารณ์ และขยายภาษีน้ำตาล รวมไปถึงการห้ามการขายเครื่องดื่มชูกำลังให้กับเด็กอายุต่ำกว่า 16 ปี และเปิดตัวโครงการแปรงฟันระดับชาติในโรงเรียนด้วย.
เครดิตภาพ : GETTY IMAGES