เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2567 เวลา 08.30 น. ที่ สภ.เมืองระนอง พ.ต.อ.ธวัชชัย ซุ้นเจริญ ผกก.สภ.เมืองระนอง พร้อมกำลังตำรวจจากชุดป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม สภ.เมืองระนอง หน่วยปฏิบัติการพิเศษ กองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัดระนอง หรือชุดราชเดช ร่วม 60 นาย ควบคุมตัว นายวีระวุธ หรือเหน่ง เชื้อฉิม อายุ 40 ปี ผู้รับเหมาก่อสร้างรายย่อย พร้อมตัวแทน น.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 16 ปี เดินทางไปทำแผนประกอบสำนวนคำรับสารภาพ ชิงทรัพย์ ร้านทอง เยาวราชกรุงเทพ ภายในห้างโลตัส สาขาระนอง ต.บางริ้น อ.เมืองระนอง จ.ระนอง

ระทึก! 2 โจรชายหญิงควงปืนบุกชิงทองห้างดังระนอง กวาดอื้อซิ่งจยย.หลบหนีลอยนวล

นายนริศ นิรามัยวงศ์ ผวจ.ระนอง และ พล.ต.ต.เชิดพงษ์ ชิวปรีชา ผบก.ภ.จว.ระนอง ร่วมสังเกตการณ์ในการทำแผนประกอบคำรับสารภาพจากเหตุชิงทอง เมื่อเช้าวันพุธ ที่ 11 กันยายน 2567 ที่ผ่านมา โดยคนร้าย นายวีระวุธ เดินเข้ามาทันทีที่ห้างเปิดทำการ ผ่านประตูทางเข้าออกห้าง ตรงมายังร้านทองที่อยู่ห่างเพียง 10 เมตร จากนั้นชักปืนพลาสติกปลอมสีดำ เข้าทำการขู่พนักงานในร้าน จนต้องรีบหลบหนีออกจากเคาน์เตอร์จำหน่ายทอง จากนั้นคนร้ายได้ทำการหยิบทองออกจากถาด ที่แขวนโชว์ในตู้กระจก โดยมี น.ส.เอ คอยถือกระเป๋าผ้าใส่ทอง ได้ทองคำไป น้ำหนักสุทธิ 62 บาท จากนั้นได้วิ่งออกจากห้าง ตรงไปที่ลานจอดรถจักรยานยนต์ ขี่หนีออกไปอย่างรวดเร็ว ด้วยความรีบจึงเสียหลักล้มที่ทางออกห้าง ทำให้ขวดน้ำมันเบนซินที่เตรียมมาเผารถจักรยานยนต์หล่นบนพื้นถนน ก่อนรีบหนีต่อไปตามถนนเพชรเกษม ขาล่องใต้ โดยภาพกล้องวงจรปิดตามจุดต่างๆ สามารถบันทึกลักษณะรถจักรยานยนต์ฮอนด้าดรีมรุ่นเก่า ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน พร้อมรูปพรรณคนร้ายและเครื่องแต่งกายได้อย่างชัดเจน ให้เจ้าหน้าที่ได้ติดตามร่องรอยคนร้าย

ทำแผนจุดต่อมา คนร้ายทั้ง 2 คน ได้นำรถจักรยานยนต์คันที่ก่อเหตุ มาทิ้งไว้ระหว่างริมทางป่าละเมาะ ทางเข้าจุดชมวิวภูเขาหญ้า พร้อมเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ใส่ก่อเหตุถอดทิ้งทั้งหมด รวมทั้งปืนพลาสติกปลอมสีดำ ถุงมือ และหมวกที่สวมก่อเหตุ

ทำแผนจุดสุดท้าย ที่บ้านพักคนงาน ภายในสวนปาล์มน้ำมันแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ ต.ราชกรูด อ.เมือง จ.ระนอง สถานที่ที่ใช้นับและแบ่งทองให้ น.ส.เอ 5 บาท ติดตัวไปจำหน่ายที่ ย่านตลาดมหาชัย จ.สมุทรสาคร ส่วนทองที่เหลืออยู่ 48 บาท นายวีระวุธ ได้นำติดตัวและใส่กระปุก ฝังดินข้างบ้าน ส่วนทองน้ำหนักอีก 9 บาท ที่หายไป คนร้ายกล่าวอ้างว่าได้ทำหล่นไว้จุดสตาร์ตรถ หรือจุดล้มรถ ไม่ทราบแน่ได้ ในขณะขี่หนีออกจากห้างที่ก่อเหตุ แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การคนร้ายที่ก่อเหตุชิงทองในครั้งนี้

ส่วน น.ส.เอ ผู้ต้องหาวัย 16 ปี ที่เพิ่งไปรับตัวจาก จ.สมุทรสาคร มาถึง สภ.เมืองระนอง ในช่วงเช้าวันนี้ก่อนทำแผน เจ้าพนักงานสอบสวนได้ทำการแยกตัว เพื่อรอสอบสวนปากคำพร้อมทีมสหวิชาชีพอีกครั้ง ตามหมายจับศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดระนอง

พล.ต.ต.เชิดพงษ์ ชิวปรีชา ผบก.ภ.จว.ระนอง เปิดเผยหลังทำแผนประกอบคำรับสารภาพว่า พฤติกรรมคนร้าย ได้ไปก่อเหตุ วันที่ 11 กันยายน 2567 เวลา 09.37 น. คนร้าย 2 คน ได้ทองไปประมาณเบ็ดเสร็จ น้ำหนัก 62 บาท ตามที่ได้รับแจ้งมา แล้วหลบหนีไปตรงจุดที่ที่ลานจอดรถ แล้วก็ขี่มาเรื่อยๆ ตรวจสอบกล้องพบว่ามีการเบี่ยงขวา ก่อนถึงภูเขาหญ้า ก็เลยสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นการกลับรถตรงนั้น ก็เลยจัดชุดปูพรมหา แล้วก็ไปพบว่ารถคนร้ายจอดทิ้งไว้ พร้อมพวกเสื้อผ้าต่างๆ ที่ตรงจุดนั้น จากนั้นไล่ข้อมูลต่อ ทั้งไล่กล้องเวลาก่อนเกิดเหตุ จนได้ตำหนิรูปพรรณชัดเจน ก็มาสโคปพื้นที่ น่าจะอยู่ในพื้นที่ไหนเรา มีการจัดชุดปูพรมตรวจสอบแล้ว พร้อมกับมีการปล่อยข้อมูลทางโซเชียล ผ่านทางนักข่าวที่ช่วยกัน จนได้เบาะแสจากโซเชียล ก่อนนำมาสู่การจับกุมดังกล่าว

พล.ต.ต.เชิดพงษ์ ชี้ปัญหาร้านทองบางส่วนว่า ปัญหาก็คือร้านทอง ที่ทำตัวเป็นจุดอ่อน โดยเฉพาะร้านทองที่อยู่ตามห้าง พนักงานส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง โอกาสที่คนร้ายเข้าไปก่อเหตุ ก็จะได้ทองจำนวนเยอะมาก โชคดีที่ไม่ใช่ปืนปลอม แต่ถ้าใช้ปืนจริงขึ้นมา มันก็จะเป็นเคสเหมือนเคสที่ลพบุรี ที่พนักงานในร้านถูกยิงตาย มาตรการตรงนี้หากร้านทองในห้างปฏิบัติ จะช่วยป้องกันได้ส่วนหนึ่ง อีกเรื่องหนึ่ง คือคนร้ายได้ทองไปแล้ว ต้องขายร้านทอง ร้านทองต้องได้รับอนุญาตในเรื่องของค้าของเก่า วันนั้นถ้าร้านทองไม่รับซื้อ มีการตรวจสอบข้อมูลคนที่เอาไปขาย เช่น ลงรายละเอียดคนซื้อคนขาย มันก็จะเป็นการป้องกัน หรือเป็นประโยชน์ในการที่ช่วยติดตามได้ เพราะอย่างร้านทองที่รับซื้อไว้โดยที่ไม่มีเหตุสมควร จะดำเนินคดีในเรื่องของลักทรัพย์ของโจร

ส่วนคนร้ายที่ชิงทองทั้ง 2 ราย ร้อยเวรพนักงานสอบสวน สภ.เมืองระนอง ได้แจ้งข้อกล่าวหาคนร้ายทั้ง 2 ราย ว่า “ร่วมกันชิงทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทําผิด หรือการพาทรัพย์นั้นไป หรือให้พ้นจากการจับกุม”