เมื่อเวลา 21.00 น. วันที่ 13 ก.ย.67ที่รัฐสภา ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ที่มี นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ในฐานะรองประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม  เพื่อพิจารณาวาระคณะรัฐมนตรี (ครม.) แถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 162 ต่อเนื่องเป็น วันที่2  

นายไชยชนก ชิดชอบ สส.บุรีรัมย์ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ลุกขึ้นอภิปรายต่อว่า รัฐบาลชุดใหม่ ที่นำโดยนายกรัฐมนตรีเจนใหม่ ที่มีอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย จะมีศักยภาพในการทำงานมากแค่ไหน มีเพียงเวลาและผลงานที่จะบอกได้ แต่สิ่งหนึ่งที่เป็นผลงานอย่างประจักษ์ที่ต้องชื่นชม น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จัดตั้งรัฐบาลรวบรวมนโยบายอย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว ทำให้รัฐบาลทำงานต่อไม่สะดุด ลดผลกระทบจากสถานการณ์สุญญากาศทางการเมือง และนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี เห็นความสำคัญไม่นำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด แก้ไขปัญหาอย่างตรงจุดใช้ พ.ร.บ.มาควบคุมพืชเศรษฐกิจชนิดใหม่ พรรคภูมิใจไทยจะขับเคลื่อนผลักดันอย่างระมัดระวัง ตามความพร้อมความเข้าใจของสังคมไทย

นายไชยชนก กล่าวต่อว่า รัฐบาลชุดนี้กำลังเผชิญกับความท้าทายหลายมิติ ทั้งความท้าทายของระบบโครงสร้างที่เปลี่ยนแปลงไม่ทันกาลเวลา ระบบการศึกษาไทย บริบทต่างๆเปลี่ยนแปลง การเข้าถึงความรู้เพียงปลายนิ้ว ระบบที่เคยมีประสิทธิภาพกับเป็นโซ่ที่ล่ามความเร็วพัฒนาอนาคตของประเทศ พรรคภูมิใจไทยจะต้องปฏิวัติการศึกษา นอกจากการยกระดับการเรียนการสอน การสร้างการศึกษาที่ฟรีทั่วถึง ไม่โดนตีกรอบด้วยเวลา ยืดหยุ่น สนับสนุนเส้นทางการเรียนรู้ตามโอกาส ตามความสามารถ และตามสถานการณ์ชีวิต ไม่ว่าจะเร็วหรือช้าต้นทุนชีวิตจะมากหรือน้อย เพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้เรียนอย่างถ้วนหน้า

สส.บุรีรัมย์ กล่าวต่อว่า  พรรคภูมิใจไทยอยากจะเห็นระบบการศึกษาทางเลือกที่เพิ่มจุดประเมินชี้วัดศักยภาพ เมื่อใช้มาควบคู่กับใบประกาศนียบัตร เราเห็นโอกาสลดภาระแบ่งเบาหนี้สินครัวเรือน มากกว่า ร้อยละ 40 มาจากทุนการศึกษาสำหรับลูกหลานตัวเองหรือครอบครัว การแบ่งเบาภาระหนี้สินมีมากกว่าเรื่องเศรษฐกิจ ส่วนความท้าทายของการกระจายอำนาจ ประชาชนต้องมีสิทธิ์กำหนดและเลือกตามสัดส่วนภาษี เพื่อระบุว่าจะนำไปลงที่ไหนที่อยากจะพัฒนา เพิ่มโอกาสที่จะปลูกฝังจิตสำนึกความเป็นเจ้าของประเทศและพื้นที่นั้นๆ เพื่อนำไปสู่ความสามัคคีและจิตสำนึกร่วมพัฒนา

 ”จ.บุรีรัมย์ในวันนี้ จะไม่สามารถเป็นแบบนี้ได้ เพราะคนกลุ่มใดคนกลุ่มหนึ่ง ที่เราพัฒนาเพราะคนบุรีรัมย์มีความภาคภูมิใจ และรู้สึกเป็นเจ้าของ มีส่วนร่วมในการพัฒนา มีความสามัคคีที่จะต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง เราจะพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ จังหวัดที่จนอันดับ 3 ของประเทศไทยเมื่อ 20 ปีที่ผ่านมา ยังเปลี่ยนแปลงได้ ไม่มีที่ไหนที่ประเทศไทยทำไม่ได้”นายไชยชนก กล่าว

นายไชยชนก กล่าวต่อว่า ในส่วนความท้าทายของการเข้าถึงราคาปัจจัยพื้นฐาน คือโอกาสในการสร้างรายได้และอาชีพ แต่ทำไมคนไทยไม่สามารถขายไฟฟ้าคืนให้กับทางรัฐได้ จะนำไปสู่การกระจายโอกาสสู่ประชาชนจากทุนผูกขาด อยู่ในหลายบริบทการบริหารประเทศไทย รวมถึงเอนนเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ พรรคภูมิใจไทยไม่ได้ค้าน แต่ต้องไม่มี กาสิโน และกระจายโอกาสสู่ประชาชนคนไทยอย่างเท่าเทียม เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวและจัดระเบียบสังคม หากรัฐบาลตั้งใจผลักดันการพนันหรือธุรกิจใต้ดิน พรรคภูมิใจไทยพร้อมสนับสนุนแต่ภายใต้ผลประโยชน์ส่วนรวมต้องมาก่อน และต้องเป็นของประเทศ รัฐ หรือประชาชน ไม่ใช่ยกหรือขายสัมปทานให้คนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นภายในหรือต่างประเทศ และต้องกระจายโอกาสอย่างเท่าเทียม และมีวิธีการควบคุมที่เหมาะสม

นายไชยชนก กล่าวต่อว่า การที่ประชาชนสงสัยว่า เห็นด้วยกับการกระจายโอกาสแต่กังวลหากรัฐบาลเป็นเจ้าของ เป็นคนบริหารจะรอดไหม จะเจ๊งหรือไม่ ตนขอชี้แจงความหมาย รัฐเป็นเจ้าของหมายถึงเจ้าของผลประโยชน์ เพื่อสามารถบริหารจัดเก็บและเปลี่ยนแปลงเป็นงบประมาณ แต่ต้องมีการประกวดราคาแบ่งเปอร์เซ็นต์กำไร หากบริหารขาดทุนผู้รับจ้างจะไม่ได้รับค่าจ้าง ไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐจะมาแจกไพ่หรือปั่นไฮโล แต่เป็นเจ้าของสิทธิ์บริหาร เป็นหน้าที่มืออาชีพ

“ผมเชื่อว่าหลายนโยบายที่ได้พูดมาไม่ใช่เรื่องง่าย บางเรื่องอาจจะเสร็จในสมัยนี้ บางเรื่องอาจจะต้องใช้เวลาหลายสมัย วันนี้พวกเราเป็นนักการเมืองรุ่นใหม่ อยากให้เป็นตัวอย่างและต้นแบบเพื่อเป็นความหวังให้กับประชาชน ผมรู้สึกว่าถึงเวลาแล้ว ที่จะต้องวางแผนระยะยาวอย่างจริงจัง เลิกคิดว่าสมัยนี้เราทำอะไรได้ ใครที่สานต่อต้องมีโครงสร้างที่พร้อมเพื่อให้ทำงานได้ ตราบใดนโยบายที่รัฐบาลขับเคลื่อน ผลประโยชน์เป็นของรัฐ เป็นของประเทศ หรือของประชาชนคนไทยอย่างชัดเจน ไม่ว่านโยบายอะไร พรรคภูมิใจไทยพร้อมเผชิญกับความท้าทายเคียงบ่าเคียงไหล่กับนายกรัฐมนตรี และรัฐบาลชุดนี้อย่างสุดความสามารถ” นายไชยชนก กล่าว.