เมื่อวันที่ 13 ก.ย. นายอธิภู จิตรานุเคราะห์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางราง(ขร.) เปิดเผยว่า กระทรวงคมนาคม ได้จัดประชุมสัมมนาเพื่อสร้างการรับรู้ข้อมูลข่าวสาร ความเข้าใจ พร้อมรับฟังความคิดเห็นข้อเสนอแนะ ครั้งที่ 2 โครงการศึกษาแนวทางการจัดตั้งองค์กรพิเศษ เพื่อกำกับการดำเนินโครงการรถไฟความเร็วสูง(ไฮสปีด) ซึ่งองค์กรดังกล่าวเป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี(ครม.) เมื่อวันที่ 11 ก.ค.60 ที่เห็นชอบให้กระทรวงคมนาคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันพิจารณาถึงแนวทางการจัดตั้ง “องค์กรพิเศษเพื่อกำกับการดำเนินงานโครงการรถไฟความเร็วสูง”

โดยกำหนดให้เป็นองค์กรอิสระจากการกำกับกิจการของการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) ให้มีโครงสร้างองค์กรที่มีความคล่องตัว และเหมาะสมสำหรับดำเนินกิจการระบบรถไฟความเร็วสูง รวมทั้งกำหนดมาตรการ หรือแนวทางในการสนับสนุน ทั้งด้านบุคลากรและงบประมาณ โดยไม่เป็นภาระผูกพันต่องบประมาณของรัฐ สามารถวางแผน และควบคุมให้โครงการสามารถดำเนินการได้อย่างต่อเนื่อง มีประสิทธิภาพ และบริหารความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

นายอธิภู กล่าวต่อว่า จากการศึกษาการดำเนินงานขององค์กรรถไฟความเร็วสูงในต่างประเทศ พบว่า โดยทั่วไปแบ่งความรับผิดชอบการดำเนินงานเป็น 3 ส่วน ได้แก่ 1.การก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน ประกอบด้วย การก่อสร้างทางรถไฟ สถานีรถไฟ ระบบอาณัติสัญญาณ และระบบสื่อสารโทรคมนาคม รวมถึงรับผิดชอบภาระทางการเงินในการก่อสร้างและเป็นเจ้าของโครงสร้างพื้นฐาน 2.บริหารจัดการและบำรุงรักษาโครงสร้างพื้นฐาน ประกอบด้วย การบริหารจัดการและบำรุงรักษาทางรถไฟ สถานีรถไฟ ระบบอาณัติสัญญาณ และระบบสื่อสารโทรคมนาคม รวมถึงจัดตารางการเดินรถ และ 3.การเดินรถ ประกอบด้วย การจัดการรถจักรล้อเลื่อน การบำรุงรักษารถจักรล้อเลื่อน การให้บริการเดินรถ การจำหน่ายตั๋ว และทำการตลาด

ทั้งนี้จากการศึกษาตัวอย่างองค์กรรถไฟความเร็วสูงในต่างประเทศ พบว่า รูปแบบที่เหมาะสม คือ รูปแบบแยกเป็นหน่วยงานที่ดูแลการก่อสร้าง กับหน่วยงานที่ทำหน้าที่บริหารจัดการและบำรุงรักษาโครงสร้างพื้นฐาน และเดินรถ โดยมีรูปแบบโครงสร้างรายละเอียดดังนี้ 1.หน่วยงานที่กำกับดูแล ได้แก่ ขร. 2.หน่วยงานที่รับผิดชอบในการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน และขอรับการสนับสนุนทางการเงินจากรัฐ ได้แก่ รฟท. โดยรับหน้าที่ก่อสร้างและเป็นเจ้าของโครงสร้างพื้นฐาน และ 3.หน่วยงานที่รับผิดชอบภารกิจการบริหารจัดการ บำรุงรักษา และให้บริการเดินรถ แสวงหารายได้เพื่อเลี้ยงตัวเอง ให้จัดตั้งเป็นบริษัทจำกัดในสังกัดกระทรวงคมนาคม (สามารถปรับเป็นบริษัทมหาชนได้ในอนาคต)

โดยหน่วยงานนี้ มีขอบเขตหน้าที่ และแนวทางในกานดำเนินกิจการ ดังนี้ 1.ได้รับสิทธิในการใช้โครงสร้างพื้นฐานที่รัฐสร้างขึ้น ทั้งโครงการที่กำลังพัฒนา และโครงการที่จะเกิดขึ้นในอนาคต 2.ดำเนินกิจการได้ทั้งในรูปแบบเดินรถเอง จ้างเดินรถ หรือให้สิทธิเอกชนเดินรถในรูปแบบ PPP 3.ธุรกิจสามารถดำเนินการได้โดยการดำเนินการเอง หรือร่วมทุนกับภาคเอกชนเพื่อจัดตั้งบริษัท จ้างเอกชนดำเนินการ หรือให้สิทธิหรือสัมปทานแก่เอกชน ซึ่งรูปแบบดังกล่าวมีจุดเด่น คือ 1.มีความคล่องตัว 2.มีความยืดหยุ่น รองรับการพัฒนาในอนาคต 3.ปรับตัวให้สอดคล้องกับสถานการณ์ต่างๆ ได้เป็นอย่างดี 4.สามารถควบคุมนโยบายของภาครัฐ และ 5.เปิดโอกาสให้ภาคเอกชนมีส่วนร่วมในการพัฒนาระบบ

นายอธิภู กล่าวด้วยว่า กระทรวงคมนาคมจะรวบรวมข้อมูลความคิดเห็น ข้อเสนอแนะจากทุกภาคส่วนในการสัมมนาครั้งนี้ นำมาประกอบผลการศึกษาโครงการเพื่อให้การจัดตั้งองค์กรพิเศษเพื่อกำกับการดำเนินโครงการรถไฟความเร็วสูง มีความเหมาะสม ลดภาระงบประมาณของรัฐได้ ซึ่งถือเป็นความมุ่งมั่นของกระทรวงคมนาคม ที่ต้องการเดินหน้าขับเคลื่อนการพัฒนาระบบด้านอุตสาหกรรมระบบรางของประเทศไทย.