โลกกำลังเผชิญวิกฤตการณ์สิ่งแวดล้อมที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปัญหาขยะพลาสติก การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการขาดแคลนน้ำสะอาด กลายเป็นประเด็นสำคัญที่ทั่วโลกให้ความสนใจ และผู้บริโภคเองก็เริ่มหันมาใส่ใจกับผลิตภัณฑ์และบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

ประเทศไทยเอง สถานการณ์ก็ไม่แตกต่างกัน ผู้บริโภคชาวไทยมีความตระหนักถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมมากขึ้น และต้องการเห็นแบรนด์ต่างๆ มีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาเหล่านี้ ‘ไทยน้ำทิพย์’ ในฐานะผู้นำในอุตสาหกรรมเครื่องดื่ม ภายใต้เครื่องหมายการค้า โคคา-โคล่า (Coca-Cola) ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2502  ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ประกาศนโยบายขับเคลื่อนธุรกิจไปสู่ความยั่งยืน ตามวิสัยทัศน์ระดับโลกของ โคคา-โคล่า ในการมุ่งสู่โลกที่ปราศจากขยะ (World Without Waste) 

จึงได้เดินหน้าพัฒนาโรงงานผลิตให้เป็นต้นแบบของโรงงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ชูนวัตกรรมด้านความยั่งยืน และกระบวนการผลิตที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมในทุกขั้นตอน และนวัตกรรมด้านความยั่งยืน ครอบคลุม ตั้งแต่การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนบรรจุภัณฑ์ พร้อมตั้งเป้าเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมเครื่องดื่มไทยที่ดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน 

‘ปุณฑริกา สุสัณฐิตพงษ์’ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ องค์กรสัมพันธ์ การสื่อสาร และความยั่งยืน บริษัท ไทยน้ำทิพย์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด  กล่าวว่า ไทยน้ำทิพย์ ในฐานะผู้นำในอุตสาหกรรมเครื่องดื่มในประเทศไทย มุ่งมั่นในการสร้างความสุขและความสดชื่นให้คนไทย ผ่านการส่งมอบเครื่องดื่มแบรนด์ดังระดับโลก ควบคู่ไปกับการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น สอดคล้องกับกลยุทธ์ด้านความยั่งยืนของบริษัทฯ ที่ครอบคลุมในทุกมิติ ทั้งในด้านสิ่งแวดล้อม ผลิตภัณฑ์ และสังคม ซึ่งในแต่ละด้านมีเป้าหมายและโร้ดแมปจนถึงปี พ.ศ. 2573 ส่วนแผนงานด้านความยั่งยืนนั้น ได้ถูกผนวกอยู่ในแผนงานในการดำเนินธุรกิจ ตั้งแต่แผนงานด้านทรัพยากรบุคคล การกำกับดูแลกิจการ ไปจนถึงแผนงานด้านซัพพลายเชน 

ซึ่งสอดคล้องกับการให้ความสำคัญในการวางแผนกลยุทธ์และสร้างสรรค์นวัตกรรมที่ทันสมัย ตอบโจทย์ด้านความยั่งยืนตลอดห่วงโซ่อุปทาน ตั้งแต่กระบวนการผลิต การขนส่ง จนถึงมือผู้บริโภค ภายใต้ 3 เสาหลัก คือ 1. การใช้ทรัพยากรน้ำอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ‘น้ำ’ ถือเป็นหัวใจสำคัญในทุกผลิตภัณฑ์ของไทยน้ำทิพย์ ทางบริษัทจึงให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยใช้กลยุทธ์ 3R (Reduce, Reuse, Recycle) ในกระบวนการผลิต ด้วยการ ลด (Reduce) ปริมาณการใช้น้ำ โดยหนึ่งในนวัตกรรมที่ทำมาใช้คือแอปพลิเคชัน ‘บำรุง’ ที่พัฒนาโดยบริษัทไทย นำน้ำกลับมาใช้ซ้ำ (Reuse) ในส่วนที่ไม่เกี่ยวข้องกับกระบวนการผลิต รวมถึง บำบัด (Recycle) น้ำที่ผ่านการใช้งานแล้ว เช่น ติดตั้งระบบ Membrane Bio Reactor ที่สามารถบำบัดน้ำเสียได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีการใช้ระบบ R.O. (Reverse Osmosis) ในการนำน้ำที่ผ่านกระบวนการบำบัดจนสะอาดได้มาตรฐานกลับมาใช้ใหม่  ในขั้นตอนการผลิต (ไม่ใช่วัตถุดิบสำหรับผลิตเครื่องดื่ม) ซึ่งระหว่างปี พ.ศ. 2563 – พ.ศ. 2566 โรงงานไทยน้ำทิพย์ทั้ง 5 โรงงาน สามารถลดการใช้น้ำได้ถึง 907 ล้านลิตร 

2. การรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ไทยน้ำทิพย์มุ่งมั่นที่จะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ตลอดห่วงโซ่อุปทาน โดยเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานสะอาดภายในกระบวนการผลิต ซึ่งปัจจุบันมีการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคาโรงงานไทยน้ำทิพย์ครบทั้ง 5 แห่ง คือ โรงงานรังสิต โรงงานปทุมธานี โรงงานนครราชสีมา โรงงานขอนแก่น และโรงงานลำปาง ซึ่งสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าพลังงานสะอาดรวม 12.6242 MWp คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 10% ของกระแสไฟฟ้าที่ใช้ในโรงงาน นอกจากนี้ยังมีการนำรถพลังงานไฟฟ้ามาใช้ในรถยกสินค้า (EV Forklift) ในคลังสินค้า และรถขนส่งสินค้า (EV Truck) อีกด้วย พร้อมนำระบบ Telematics มาใช้บริหารจัดการการขนส่ง ซึ่งช่วยลดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงได้อย่างมีประสิทธิภาพ และกล้อง AI ช่วยมอนิเตอร์ความเสี่ยงของพฤติกรรมการขับขี่ เพิ่มความปลอดภัยให้กับพนักงานขับรถ ในปีพ.ศ. 2566 สามารถลดการใช้พลังงานได้ 34.1% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า 

3. สร้างวงจรปิดของบรรจุภัณฑ์ ไทยน้ำทิพย์ สนับสนุนวิสัยทัศน์ระดับโลก ‘World Without Waste’ ของ โคคา-โคล่า ซึ่ง มีเป้าหมายที่จะพัฒนาบรรจุภัณฑ์ให้สามารถรีไซเคิลได้ 100% ภายในปี 2568 และพัฒนาบรรจุภัณฑ์ทั่วโลกโดยใช้วัสดุรีไซเคิลอย่างน้อย 50% รวมถึงช่วยเก็บรวบรวมและรีไซเคิลขวดหรือกระป๋องในจำนวนเทียบเท่ากับที่จำหน่าย ภายในปี 2573

“ไทยน้ำทิพย์ ได้มีการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในทุกกระบวนการผลิต เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานและใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าที่สุด ปัจจุบัน ไทยน้ำทิพย์ มีโรงงานผลิตทั้งหมด 5 แห่ง ที่มีเทคโนโลยีที่ทันสมัยและได้มาตรฐานระดับโลก รวมถึงได้รับการยกย่องในระดับภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิคใต้ในด้านการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม เรามีสายการผลิตที่ทันสมัยถึง 21 สาย มีกำลังการผลิตรวมทั้งสิ้นกว่า 450 ล้านยูนิตเคสต่อปี โรงงานไทยน้ำทิพย์ ปทุมธานี สร้างขึ้นในปีพ.ศ. 2524 บนพื้นที่ 140 ไร่ มีสายการผลิต 7 สาย รวมถึงสายการผลิตเครื่องดื่มแบบกระป๋องที่มีความเร็วที่สุดในโรงงานผลิตเครื่องดื่มบรรจุกระป๋องในประเทศไทย สามารถผลิตได้ถึง 2,000 กระป๋องต่อนาที ในด้านเทคโนโลยีที่เกี่ยวกับความยั่งยืน โรงงานไทยน้ำทิพย์ ปทุมธานี ใช้ระบบบำบัดน้ำเสีย MBR (Membrane Bio Reactor) ซึ่งเป็นระบบที่มีประสิทธิภาพและล้ำสมัยที่สุดในเวลานี้” ‘เทอดพงษ์ ศิริเจน’ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการด้านคุณภาพ ความปลอดภัย สิ่งแวดล้อม และบรรจุภัณฑ์ บริษัท ไทยน้ำทิพย์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวเสริม

นอกจากนี้ เพื่อเป็นการสนับสนุนให้สามารถก้าวไปสู่การบรรลุเป้าหมายดังกล่าว ไทยน้ำทิพย์จึงให้ความสำคัญกับ 3 แนวทาง ดังนี้ 1. ลด (Reduce) การใช้บรรจุภัณฑ์ด้วยการลดปริมาณพลาสติกในบรรจุภัณฑ์ ผ่านการ lightweight โดยยังคงรักษาคุณภาพและความสดใหม่ของผลิตภัณฑ์ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2552 ไทยน้ำทิพย์สามารถลดการใช้เม็ดพลาสติกลงได้กว่า 7,645 ตัน 2. ออกแบบบรรจุภัณฑ์ใหม่ (Redesign) เพื่อให้สามารถนำไปรีไซเคิลได้ 100% ภายในปี พ.ศ. 2568 และใช้วัสดุรีไซเคิลในบรรจุภัณฑ์อย่างน้อย 50% ภายในปี พ.ศ. 2573 ไทยน้ำทิพย์ได้เปลี่ยนขวด ‘สไปรท์’ จากขวดสีเขียวเป็นขวดใส เพื่อเพิ่มความสามารถในการนำบรรจุภัณฑ์กลับไปรีไซเคิล และ 3. สนับสนุนการจัดเก็บและรีไซเคิลขวดพลาสติกและกระป๋องที่ใช้แล้ว (Collection & recycling) เพื่อสร้างวงจรปิดของบรรจุภัณฑ์ โดยร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ องค์กรเอกชน และองค์กรไม่แสวงผลกำไร เพื่อส่งเสริมการรีไซเคิลขยะพลาสติกในประเทศไทย และกระตุ้นให้ผู้บริโภครับรู้และมีส่วนร่วมในการสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียนสำหรับบรรจุภัณฑ์ 

ทั้งนี้ ที่ผ่านมา นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2566 ไทยน้ำทิพย์ ร่วมกับ โคคา-โคล่า เปิดตัวขวด ‘โค้ก’ ที่ทำจากพลาสติกรีไซเคิล 100% (ไม่รวมฉลากและฝา) หรือ Recycled PET (rPET)  ในบรรจุภัณฑ์ขนาด 1 ลิตร และปีนี้ได้เปิดตัวบรรจุภัณฑ์ขนาด 300 มิลลิลิตร และ 510 มิลลิลิตร เพิ่มเติม ที่วางขายแล้วในห้างสรรพสินค้าชั้นนำและร้านสะดวกซื้อทั่วไป โดยไทยน้ำทิพย์ได้ปรับสายการผลิตให้รองรับการผลิตขวด rPET ที่ทำจากเม็ดพลาสติกรีไซเคิล ซึ่งใช้ผลิตบรรจุภัณฑ์ที่สัมผัสอาหารได้อย่างปลอดภัย (Food Contact Grade) และเป็นไปตามมาตรฐานของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข และมาตรฐานระดับโลกของ โคคา-โคล่า โดยมีแผนงานในการเพิ่มสัดส่วนการใช้บรรจุภัณฑ์จากพลาสติกรีไซเคิล (rPET) ในทุกๆ ปีตามโร้ดแม็ป