จากนั้นเวลา 14.45 น. วันที่ 13 ก.ย. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางถึงมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย ซึ่งเป็นศูนย์พักพิงชั่วคราว ผู้ประสบอุทกภัย เพื่อเยี่ยมผู้ประสบภัยและมอบถุงยังชีพให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบในพื้นที่อำเภอเมือง จ.เชียงราย  โดยเมื่อเดินทางถึง นายกฯ รับฟังรายงานสถานการณ์น้ำ ซึ่งนายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) รายงานว่า แนวโน้มปริมาณน้ำขนาดนี้ที่ จ.เชียงราย ผ่านจุดวิกฤติไปแล้วและจะลดลงเรื่อยๆ คาด 1-2 วันนี้สถานการณ์จะดีขึ้น หากไม่มีปริมาณฝนตกเพิ่มเติม เมื่อระดับน้ำเข้าสู่ระดับตลิ่งแล้ว ก็จะเร่งขจัดสิ่งกีดขวางทางระบายน้ำ แต่ขณะนี้สถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงคือแม่น้ำโขง ที่จะไหลจาก จ.เชียงราย ไปสู่ จ.เลย และจ.หนองคาย ซึ่งระดับน้ำยังคงสูงขึ้นและอาจจะต้องมีการเสริมแนวป้องกันตลิ่ง  ซึ่ง สทนช.ได้มีการประชุมร่วมกับจังหวัดในการแจ้งเตือนภัยล่วงหน้าแล้ว โดยเฉพาะพื้นที่โรงพยาบาลและพื้นที่เปราะบางจะสั่งอพยพประชาชนทันที

นอกจากนี้ นายกฯ ยังได้สอบถามสถานการณ์น้ำในแม่น้ำอิง ซึ่งคาดการณ์ว่าจะมีแนวโน้มหนักสุดในวันที่ 18 ก.ย. ซึ่งได้รับรายงานว่าเข้าสู่ระดับตลิ่งแล้วและจะเร่งจัดการเรื่องน้ำประปาและไฟฟ้าเพื่อให้เข้าสู่ภาวะปกติ เพื่อให้ประชาชนกลับสู่ภูมิลำเนา ขณะเดียวกันนายกฯ ยังได้สอบถามถึงความแม่นยำของระบบติดตามน้ำที่ได้รับคำตอบว่าแม่นยำมากกว่า 90% ซึ่งกำชับว่าจะต้องแจ้งเตือนประชาชนและเตรียมพร้อมรับมือเพื่อป้องกันความเสียหาย

ต่อมานายกฯ ได้เดินเข้าไปยังหอประชุมใหญ่ของศูนย์พักพิงชั่วคราวช่วยเหลือผู้ประสบภัย  เยี่ยมเยียนให้กำลังใจผู้ประสบอุทกภัย และผู้ป่วยติดเตียง พร้อมทั้งพูดคุยให้กำลังใจและมอบถุงยังชีพจากหน่วยงานต่างๆ  ซึ่งในช่วงจังหวะนี้ชาวบ้านบางคนร่ำไห้บอกว่า ไม่เหลืออะไรเลย โดยนายกฯ ให้กำลังใจ พร้อมกล่าวว่า ขอให้อดทนอีกนิด รัฐบาลและทุกหน่วยงานเข้ามาดำเนินการแล้ว ขอให้อดทนกันนิด พร้อมชื่นชมว่า ทุกคนเก่งมากสู้มาได้จนถึงวันนี้ ก่อนที่นายกฯ จะเดินทางกลับกรุงเทพมหานคร.