สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากกรุงสตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน เมื่อวันที่ 13 ก.ย. ว่า สวีเดนถูกมองว่าเป็น “มหาอำนาจด้านมนุษยธรรม” มานานหลายทศวรรษ แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ประเทศกลับประสบปัญหาในการจัดการดูแลผู้อพยพจำนวนมาก

สถานการณ์ข้างต้นทำให้รัฐบาลสวีเดน ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากพรรคประชาธิปไตยสวีเดน ซึ่งเป็นพรรคขวาจัด และมีจุดยืนต่อต้านการอพยพ ระบุในการแถลงข่าวว่า ผู้อพยพที่เดินทางกลับประเทศต้นทางของพวกเขาโดยสมัครใจ ตั้งแต่ปี 2569 เป็นต้นไป จะมีสิทธิได้รับเงินช่วยเหลือสูงถึง 350,000 โครนาสวีเดน (ราว 1.1 ล้านบาท)

“ขณะนี้เราอยู่ในช่วงปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์ในนโยบายการย้ายถิ่นฐาน” นายโยฮัน ฟอร์สเซลล์ รมว.การอพยพสวีเดน กล่าวกับผู้สื่อข่าว

ปัจจุบัน ผู้อพยพในสวีเดน สามารถรับเงินช่วยเหลือได้สูงสุด 10,000 โครนาสวีเดน (ราว 32,500 บาท) ต่อผู้ใหญ่หนึ่งคน และ 5,000 โครนาสวีเดน (ราว 16,000 บาท) ต่อเด็กหนึ่งคน โดยแต่ละครอบครัวจะได้รับเงินไม่เกิน 40,000 โครนาสวีเดน (ราว 130,000 บาท)

ด้านนายลุดวิก แอสพลิง จากพรรคประชาธิปไตยสวีเดน กล่าวเสริมว่า เงินช่วยเหลือข้างต้นมีมาตั้งแต่ปี 2527 แต่ไม่ค่อยมีใครรู้จักมากนัก และมีคนใช้เงินดังกล่าวค่อนข้างน้อย ซึ่งเขามองว่า หากผู้อพยพทราบถึงเงินช่วยเหลือมากขึ้น และเงินช่วยเหลือมีจำนวนเพิ่มขึ้น มันก็มีแนวโน้มว่า ผู้อพยพจำนวนมากจะรับเงินช่วยเหลือ และออกจากสวีเดนไป.

เครดิตภาพ : AFP