เมื่อวันที่ 13 ก.ย. 67 ที่รัฐสภา มีการประชุมร่วมรัฐสภา ที่มีนายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ในฐานะรองประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม เพื่อพิจารณาเรื่องด่วน คณะรัฐมนตรี (ครม.) แถลงนโยบายต่อรัฐสภา ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 162 ต่อเนื่องเป็นวันที่ 2

โดยนายอลงกต วรกี สว. อภิปราย ว่ารัฐบาลไม่มีนโยบายเกี่ยวกับความโปร่งใสหรือหลักธรรมาภิบาลในสถานศึกษา โดยหยิบยกปัญหาของมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช (มสธ.) ที่ไม่มีอธิการบดีบริหารงานนาน 7 ปี พร้อมเรียกร้องให้มีการจัดระเบียบและแก้ไขปัญหาธรรมาภิบาลในสถาบันอุดมศึกษาผ่านคณะรัฐมนตรีเข้าควบคุม มสธ. โดยทันที ด้วยปัจจุบันการดำรงตำแหน่งรักษาการทั้งหมด มีลักษณะผลัดกันดำรงตำแหน่ง เลือกกันหมุนเวียนกันเอง มีบุคคลคนเดิมกลับเข้าตำแหน่งในกลุ่มเดิม ใช้อำนาจเบ็ดเสร็จผ่านสภามหาวิทยาลัย ในชุดรักษาการ ที่สำคัญมีการเสนอแต่งตั้งอธิการบดีคนใหม่ยืดเยื้อ 7 ปี ซึ่งก่อนหน้านี้ ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาให้สภามหาวิทยาลัยดำเนินการแต่งตั้งอธิบดีคนใหม่ แต่กลับเพิกเฉย และยังเพิกเฉยต่อคำสั่งของรัฐบาล 4 ชุด ซึ่งตอนนี้มาถึงยุครัฐบาลของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี

“จะให้มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช มีศักดิ์ศรีได้อย่างไร เพราะตอนนี้คณะอาจารย์ เกรงกลัวกับอำนาจของสภารักษาการชุดนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้คือไม่มีธรรมาภิบาล กระทรวงการอุดมศึกษาฯ สั่งการไม่ปฏิบัติ จึงมีคำถามเกิดขึ้น มหาวิทยาลัยเป็นเอกเทศ ไม่ฟังคำสั่งกระทรวงการอุดมศึกษาฯ จึงขอให้นายกรัฐมนตรี ใช้คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ 39/2559 จัดระเบียบ และแก้ไขปัญหา ซึ่งผมขอบอกว่าปัญหาดังกล่าวนั้น ไม่ได้มีเฉพาะในมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จึงฝากไปยังนายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เพราะยังเกิดปัญหาเดียวกันนี้ที่ มหาวิทยาลัยรามคำแหง มหาวิทยาลัยนครพนม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี ที่ยังรอรัฐบาลมีความกล้าหาญและความจริงจัง” นายอลงกต กล่าว.