เมื่อวันที่ 12 ก.ย. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนครสวรรค์ รับแจ้งอุบัติเหตุ เครนไซต์งานก่อสร้างในอาณาเขตพื้นที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ใน ต.นครสวรรค์ตก อ.เมือง จ.นครสวรรค์ พังถล่มลงมาทับบ้านเรือนของประชาชนที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงพังเสียหายไปหลายหลังคาเรือน จึงรีบเดินทางไปตรวจยังจุดที่เกิดเหตุ พบว่า เป็นเครนก่อสร้างของอาคารคอนโดฯ ของเครือห้างดังกล่าว น้ำหนัก 8 ตัน พังถล่มจากยอดตึกที่กำลังก่อสร้างลงมา เบื้องต้นมีข้อมูลว่า มีผู้เสียชีวิต 1 ราย เป็นคนงานควบคุมเครน ชาวกัมพูชา วัย 33 ปี ซึ่งหล่นลงมาจากที่สูงเสียชีวิตอยู่ภายในไซต์งานก่อสร้างดังกล่าว โดยเจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้ผู้ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปในพื้นที่แต่อย่างใด

จากการตรวจสอบความเสียหายของอาคารบ้านเรือนพบว่า มีบ้านเรือน ซึ่งเป็นบ้านทาวน์เฮาส์ของชุมชนบางเรารักกันจริง ได้รับความเสียหายจากการถูกเครนล้มทับหลังคาบ้านชั้น 2 พังเสียหายไปถึง 8 หลังคาเรือน โดยเฉพาะที่บ้านเลขที่ 215/149 ของนางพงษ์วรรณา จันทวงศ์ อายุ 50 ปี ถูกแรงกระแทกของเครนพังหลังคาห้องนอน ทั้งของเจ้าตัว และของลูก เสียหายไปทั้งแถบ ส่วนบ้านหลังอื่นๆ ก็ได้รับความเสียหายแตกต่างกัน แต่ส่วนใหญ่จะหนัก และนอกจากนี้ ยังมีรถยนต์ที่จอดเอาไว้บริเวณหน้าบ้าน ถูกเศษเหล็ก ซากกระเบื้องของบ้านกระเด็นลงมาใส่จนเสียหายอีก 3 คันด้วย

สอบถาม นางพงษ์วรรณา เจ้าของบ้าน กล่าวว่า ขณะกำลังนั่งพักผ่อนอยู่ชั้นล่างของบ้าน อยู่ๆ ก็ต้องสะดุ้งตกใจ เมื่อได้ยินเสียงวัตถุหนักโค่นล้มลงมาใส่หลังคาบ้าน ชนิดที่ดังสนั่นหวั่นไหว จึงรีบวิ่งขึ้นไปดู ก็ใจสั่นขวัญเสียกับภาพที่เห็น มีเครนก่อสร้างของห้างดังพังลงมาทับหลังคา จนห้องนอนตน และห้องลูก รวมถึงข้าวของพังเละเสียหายยับเยิน และลูกชายก็เกือบจะได้รับบาดเจ็บด้วย เพราะตอนเกิดเหตุอยู่ในห้องนอนพอดี แต่เคราะห์ดีที่ไม่ได้รับอันตรายอะไร เนื่องจากโดนแผ่นฝ้าเฉี่ยวผ่านหน้าในขณะที่อยู่บนเตียง ซึ่งก็สร้างความตกใจเพียงเท่านั้น

ทั้งนี้จากการตรวจสอบในเบื้องต้น ไม่พบว่า มีใครได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด มีเพียงบ้านเรือน และทรัพย์สินของชาวบ้านได้รับความเสียหายเพียงเท่านั้น ส่วนศพของผู้เสียชีวิต ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมแพทย์เวรโรงพยาบาล ได้เข้าตรวจสอบสภาพศพแล้ว โดยเจ้าของสถานที่ก่อสร้างไม่อนุญาตเข้าไปทำข่าวแต่อย่างใด ขณะสาเหตุที่เกิดขึ้น ยังไม่สามารถระบุได้ ต้องรอการเข้าตรวจสอบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเก็บรายละเอียด ในการหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป